ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่การประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอาจต้องขยายเวลาออกไปถึงสัปดาห์หน้า เนื่องจากมีจำนวนผู้สงวนคำแปรญัตติ เฉพาะในมาตรา 219/13 ว่าด้วยการทำประชามติ ที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ มากกว่า 100 คน ซึ่งตามร่างของคณะกรรมาธิการนั้น กำหนดให้ เมื่อมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องนำเสนอต่อประธานรัฐสภาพิจารณา ว่าร่างกฎหมายที่จัดทำขึ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และกระทบต่อสถาบันหลักหรือไม่ ก่อนส่งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ภายใน 45-60 วัน และต้องรับรองผลการออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ระบุว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ถึงกรอบเวลาที่ชัดเจน ว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 จะแล้วเสร็จได้เมื่อไร โดยต้องการรอหารือและประเมินการอภิปรายร่วมกับวิปทั้ง 3 ฝ่ายก่อน
ทั้งนี้ ต้องการให้ผู้นำฝ่ายค้านได้กำชับลูกพรรคให้อภิปรายในประเด็นและกรอบเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้
อย่างไรก็ตาม นายอุดมเดช เชื่อว่าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่ยืดเยื้อจะไม่ส่งผลกระทบกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ที่จะเข้าสู่การประชุมในระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคมนี้
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ระบุว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ถึงกรอบเวลาที่ชัดเจน ว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 จะแล้วเสร็จได้เมื่อไร โดยต้องการรอหารือและประเมินการอภิปรายร่วมกับวิปทั้ง 3 ฝ่ายก่อน
ทั้งนี้ ต้องการให้ผู้นำฝ่ายค้านได้กำชับลูกพรรคให้อภิปรายในประเด็นและกรอบเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้
อย่างไรก็ตาม นายอุดมเดช เชื่อว่าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่ยืดเยื้อจะไม่ส่งผลกระทบกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ที่จะเข้าสู่การประชุมในระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคมนี้