“สดศรี” แนะแก้ ม.237 พบกันครึ่งทาง ปรับลดโทษยุบพรรคเป็นกรรมการบริหารพรรคถูกเว้นวรรคการเมือง 5 ปี กรณีทีมบริหารทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
นางสดศรี สัตตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เกี่ยวกับโทษยุบพรรคการเมืองว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง เพราะด้านพรรคการเมืองก็มองว่ามาตราดังกล่าวเป็นเหมือนการวางยานักการเมือง แต่ในส่วนของผู้ยกร่างหรือ ส.ส.ร.ปี 50 กลับมีมุมมองว่าเป็นการระมัดระวังกันเอง เมื่อลูกพรรคไปทำการใดๆ ไปกระทบต่อพรรค ทางกรรมการบริหารพรรคจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ลักษณะป้องปรามและพรรคการเมืองเกิดการรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในฐานะคนกลาง การที่สมาชิกพรรคไปกระทำการใดๆ แล้วกรรมการบริหารพรรคไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำของสมาชิกพรรคก็ต้องน่าเห็นใจกรรมการบริหารพรรคเหล่านั้น เพราะการยุบพรรคง่ายๆ บางทีก็จะทำให้ความมั่นคงของพรรคนั้นหมดไป เนื่องจากบางพรรคก็ตั้งกันมานาน การที่ผิดพลาดโดยสมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคบางคนไปกระทำความผิดจนเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค ทำให้เรารู้สึกว่ามันจะแรงไปหรือไม่ อีกทั้งในต่างประเทศไม่มีบทบัญญัติในเรื่องการยุบพรรค เพราะต่างประเทศถือว่าพรรคเป็นนิติบุคคลหรือเป็นสถาบันหลัก การที่จะยุบพรรคกันง่ายๆ ดังนั้น เมื่อเราต้องการให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันหลักแล้ว เราก็จะต้องมีมาตรการใดๆทำให้พรรคการเมืองนั้นๆ ตระหนักถึงบทบาทของตัวเอง
“ถ้าจะแก้ก็ควรแก้ในลักษณะครึ่งหนึ่งดีหรือไม่ คือ ไม่มีเหตุของการยุบพรรค แต่กรรมการบริหารพรรคต้องถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปีหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นเหตุถึงการยุบพรรคก็น่าจะดี ส่วนการที่กรรมการบริหารพรรคจะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมือง จะต้องมีบทพิสูจน์อย่างชัดเจนว่ากรรมการบริหารพรรคนั้นรู้เห็นในการดำเนินการของสมาชิกพรรคในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือถ้าทำผิดเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ส.ส.ร.ที่จะเป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้กันต่อไป” นางสดศรีกล่าว
