ชายหญิงชาวอินเดียคู่หนึ่งซึ่งโดนจับแต่งงานตอนอายุ3ขวบและ1ขวบตามลำดับ ถูกสั่งให้การสมรสของพวกเขาเป็นโมฆะ คดีตัวอย่างที่เหล่านักเคลื่อนไหวหวังท้าทายวัฒนธรรมวิวาห์ตั้งแต่อายุยังน้อยของชุมชนคนยากจนในชนบท
ลักษมี ซาร์การา วัย 18 ปี ถูกจับแต่งงานขณะที่ยังไม่ประสีประสากับ ราเกซ สามีวัย 20 ปีที่รัฐราชสถานเมื่อ 17 ปีก่อน หลังครอบครอบของทั้งสองตกลงปลงใจกำหนดให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันยามเมื่อโตขึ้นและมีบุตรด้วยกัน
ทั้งคู่ได้รับสิทธิ์เพิกถอนการสมรสในเมืองโชธปุระเมื่อวันอังคาร(24) ส่วนหนึ่งในแผนรณรงค์ต่อต้านการบังคับเด็กแต่งงานของเหล่านักเคลื่อนไหว และนับเป็นคดีตัวอย่างให้แก่หนุ่มสาวที่ถูกบังคับให้วิวาห์กันตั้งแต่ยังเด็ก
"ฉันไม่มีความสุขเลยที่ต้องแต่งงาน ฉันเคยบอกกับพ่อแม่ไปแล้ว แต่ท่านไม่เห็นด้วย ดังนั้นฉันจึงต้องขอความช่วยเหลือ" ซาร์การาบอกกับเอเอฟพี "ตอนนี้จิตใจฉันผ่อนคลายลงและคนในครอบครัวหลายคนก็อยู่เคียงข้างฉัน"
เมื่อครั้งที่รู้ตัวว่าตนเองแต่งงานแล้ว ซาร์การา เดินทางไปขอคำปรึกษากับ คริตี บาร์ตี นักสังคมสงเคราะห์ ผู้บริหารองค์กรสังคมสงเคราะห์แห่งหนึ่งในเมืองโชธปุระ ที่ให้ความช่วยเหลือและดูแลด้านสิทธิของเด็ก
จากนั้น บาร์ตี ก็ไปพูดคุยกับ ราเกซ สามีของซาร์การีและทั้งสองครอบครัวเพื่อโน้มน้าวให้พวกเขาเห็นว่าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ยุติธรรม จนกระทั่งในที่สุดทุกฝ่ายก็เห็นดีเห็นงามยอมให้การสมรสครั้งนี้เป็นโมฆะ
ลักษมี ซาร์การา วัย 18 ปี ถูกจับแต่งงานขณะที่ยังไม่ประสีประสากับ ราเกซ สามีวัย 20 ปีที่รัฐราชสถานเมื่อ 17 ปีก่อน หลังครอบครอบของทั้งสองตกลงปลงใจกำหนดให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันยามเมื่อโตขึ้นและมีบุตรด้วยกัน
ทั้งคู่ได้รับสิทธิ์เพิกถอนการสมรสในเมืองโชธปุระเมื่อวันอังคาร(24) ส่วนหนึ่งในแผนรณรงค์ต่อต้านการบังคับเด็กแต่งงานของเหล่านักเคลื่อนไหว และนับเป็นคดีตัวอย่างให้แก่หนุ่มสาวที่ถูกบังคับให้วิวาห์กันตั้งแต่ยังเด็ก
"ฉันไม่มีความสุขเลยที่ต้องแต่งงาน ฉันเคยบอกกับพ่อแม่ไปแล้ว แต่ท่านไม่เห็นด้วย ดังนั้นฉันจึงต้องขอความช่วยเหลือ" ซาร์การาบอกกับเอเอฟพี "ตอนนี้จิตใจฉันผ่อนคลายลงและคนในครอบครัวหลายคนก็อยู่เคียงข้างฉัน"
เมื่อครั้งที่รู้ตัวว่าตนเองแต่งงานแล้ว ซาร์การา เดินทางไปขอคำปรึกษากับ คริตี บาร์ตี นักสังคมสงเคราะห์ ผู้บริหารองค์กรสังคมสงเคราะห์แห่งหนึ่งในเมืองโชธปุระ ที่ให้ความช่วยเหลือและดูแลด้านสิทธิของเด็ก
จากนั้น บาร์ตี ก็ไปพูดคุยกับ ราเกซ สามีของซาร์การีและทั้งสองครอบครัวเพื่อโน้มน้าวให้พวกเขาเห็นว่าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ยุติธรรม จนกระทั่งในที่สุดทุกฝ่ายก็เห็นดีเห็นงามยอมให้การสมรสครั้งนี้เป็นโมฆะ