อินเดียประสบความสำเร็จทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ ซึ่งมีสมรรถนะส่งหัวรบนิวเคลียร์น้ำหนัก 1 ตันไปยังจุดไหนก็ได้ทั่วทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ตลอดจนไปถึงยุโรป ใกล้ขึ้นชั้นมหาอำนาจนิวเคลียร์ข้ามทวีป ทางด้านจีนชี้ตะวันตกสองมาตรฐาน ประณามแต่เกาหลีเหนือที่ยิงจรวดล้มเหลว พร้อมเตือนแดนภารตะเทคโนโลยีนิวเคลียร์ยังเทียบกันไม่ติดทั้งในขณะนี้และอนาคตอันใกล้
เอส.พี. แดช ผู้อำนวยการการทดสอบ เปิดเผยวันพฤหัสบดี (19) ว่าการปล่อยขีปนาวุธนำวิถี “อัคนี 5” ซึ่งมีพิสัยทำการกว่า 5,000 กิโลเมตร และสามารถบรรจุหัวรบหนัก 1 ตัน ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการและอย่างแม่นยำ
จรวดอัคนี 5 นับเป็นความสำเร็จสำคัญของโครงการขีปนาวุธของอินเดียซึ่งมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การรับมือการคุกคามจากจีน และจะทำให้ช่วงห่างด้านระบบขีปนาวุธขั้นสูงกับจีน ลดน้อยลงบ้าง
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเพียงว่า ทราบเรื่องการยิง อัคนี 5 ของอินเดีย พร้อมกับพยายามลดทอนความรู้สึกเป็นศัตรูคู่แข่งขันใดๆ ระหว่างกัน โดยโฆษก หลิว เว่ยหมิน ระบุว่า “จีนกับอินเดียต่างก็เป็นประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ เราไม่ได้เป็นคู่แข่งขันกัน แต่เป็นหุ้นส่วนที่ร่วมไม้ร่วมมือกัน”
อย่างไรก็ตาม โกลบอล ไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือ เหรินหมินรึเป้า กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่ได้มีน้ำเสียงมุ่งรอมชอมเช่นนี้ โดยได้ระบุในบทบรรณาธิการที่เผยแพร่ออกมาก่อนที่อินเดียจะทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งได้ล่าช้าไปหนึ่งวันเนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจว่า “ตะวันตกเลือกมองข้ามการที่อินเดียไม่แยแสต่อสนธิสัญญาการควบคุมนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
“อินเดียไม่ควรประเมินตัวเองสูงเกินไป และควรเข้าใจชัดเจนว่า ศักยภาพนิวเคลียร์ของจีนเข้มแข็งและน่าเชื่อถือกว่า ในอนาคตอันใกล้ อินเดียไม่มีโอกาสเลยที่จะแข่งขันด้านอาวุธโดยภาพรวมกับจีน“
เอส.พี. แดช ผู้อำนวยการการทดสอบ เปิดเผยวันพฤหัสบดี (19) ว่าการปล่อยขีปนาวุธนำวิถี “อัคนี 5” ซึ่งมีพิสัยทำการกว่า 5,000 กิโลเมตร และสามารถบรรจุหัวรบหนัก 1 ตัน ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการและอย่างแม่นยำ
จรวดอัคนี 5 นับเป็นความสำเร็จสำคัญของโครงการขีปนาวุธของอินเดียซึ่งมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การรับมือการคุกคามจากจีน และจะทำให้ช่วงห่างด้านระบบขีปนาวุธขั้นสูงกับจีน ลดน้อยลงบ้าง
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเพียงว่า ทราบเรื่องการยิง อัคนี 5 ของอินเดีย พร้อมกับพยายามลดทอนความรู้สึกเป็นศัตรูคู่แข่งขันใดๆ ระหว่างกัน โดยโฆษก หลิว เว่ยหมิน ระบุว่า “จีนกับอินเดียต่างก็เป็นประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ เราไม่ได้เป็นคู่แข่งขันกัน แต่เป็นหุ้นส่วนที่ร่วมไม้ร่วมมือกัน”
อย่างไรก็ตาม โกลบอล ไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือ เหรินหมินรึเป้า กระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่ได้มีน้ำเสียงมุ่งรอมชอมเช่นนี้ โดยได้ระบุในบทบรรณาธิการที่เผยแพร่ออกมาก่อนที่อินเดียจะทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งได้ล่าช้าไปหนึ่งวันเนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจว่า “ตะวันตกเลือกมองข้ามการที่อินเดียไม่แยแสต่อสนธิสัญญาการควบคุมนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
“อินเดียไม่ควรประเมินตัวเองสูงเกินไป และควรเข้าใจชัดเจนว่า ศักยภาพนิวเคลียร์ของจีนเข้มแข็งและน่าเชื่อถือกว่า ในอนาคตอันใกล้ อินเดียไม่มีโอกาสเลยที่จะแข่งขันด้านอาวุธโดยภาพรวมกับจีน“