ประธานเฟด เบน เบอร์นันกี ดับฝันเศรษฐกิจมะกันจะสามารถฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง เตือนหากการเติบโตไม่รุดหน้า อัตราว่างงานจะยังค้างเติ่งในระดับที่เกินรับ ทางด้านนักลงทุนยังผิดหวังที่เขาไม่พาดพิงถึง QE3 หรือมาตรการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ กระนั้น นายใหญ่ธนาคารกลางสหรัฐฯผู้นี้ก็เชื่อว่าวิกฤตยูโรโซนไม่ส่งผลกระทบรุนแรงมากนัก
ในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธ (29 ก.พ.) เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า ตลาดแรงงานของอเมริกายังห่างไกลจากคำว่าปกติ และเศรษฐกิจต้องติบโตเข้มแข็งขึ้นไปอีก จึงจะทำให้อัตราการจ้างงานปรับตัวตามขึ้นไปด้วย
เดือนมกราคมที่ผ่านมา อัตราว่างงานได้ลดลงอยู่ที่ 8.3% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สร้างความประหลาดใจแก่นักเศรษฐศาสตร์ทั้งภายในและนอกเฟด สืบเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย โดยปีที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 1.7% แม้ไตรมาสส่งท้ายมีอัตราเติบโตสูงสุดก็ตาม
"อัตราว่างงานที่ลดลงในปีที่ผ่านมา นับว่าเร็วกว่าที่คาด เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจในกรอบเวลาดังกล่าว มีอัตราเติบโตเพียงเท่ากับหรือกระทั่งต่ำกว่าแนวโน้มระยะยาว” เบอร์นันกีระบุ
การมองทิศทางอนาคตอย่างค่อนข้างระมัดระวังตัวมากของประธานเฟดเช่นนี้ ฉุดดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ให้หล่นกลับลงมาต่ำกว่าระดับ 13,000 หลังจากที่สามารถพุ่งขึ้นไปปิดสูงกว่าระดับทางจิตวิทยาสำคัญนี้เมื่อวันอังคาร(28 ก.พ.) ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ต้นปีมา ราคาหุ้นของสหรัฐฯพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเล็งการณ์แง่ดีว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวดีขึ้น
นอกจากนั้น การที่เบอร์นันในคราวนี้ ยังไม่พาดพิงถึงความเป็นไปได้ในการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (quantitative easing 3 หรือ QE3) ก็เป็นปัจจัยที่ที่ตลาดมองว่าเป็นเรื่องลบ จนกระทั่งราคาพันธบัตรคลังสหรัฐฯลดต่ำลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งขึ้น และราคาทองคำหล่นลง 3% ถือเป็นการลดแรงที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 2 เดือนครึ่ง
ในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธ (29 ก.พ.) เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า ตลาดแรงงานของอเมริกายังห่างไกลจากคำว่าปกติ และเศรษฐกิจต้องติบโตเข้มแข็งขึ้นไปอีก จึงจะทำให้อัตราการจ้างงานปรับตัวตามขึ้นไปด้วย
เดือนมกราคมที่ผ่านมา อัตราว่างงานได้ลดลงอยู่ที่ 8.3% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สร้างความประหลาดใจแก่นักเศรษฐศาสตร์ทั้งภายในและนอกเฟด สืบเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย โดยปีที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 1.7% แม้ไตรมาสส่งท้ายมีอัตราเติบโตสูงสุดก็ตาม
"อัตราว่างงานที่ลดลงในปีที่ผ่านมา นับว่าเร็วกว่าที่คาด เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจในกรอบเวลาดังกล่าว มีอัตราเติบโตเพียงเท่ากับหรือกระทั่งต่ำกว่าแนวโน้มระยะยาว” เบอร์นันกีระบุ
การมองทิศทางอนาคตอย่างค่อนข้างระมัดระวังตัวมากของประธานเฟดเช่นนี้ ฉุดดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ให้หล่นกลับลงมาต่ำกว่าระดับ 13,000 หลังจากที่สามารถพุ่งขึ้นไปปิดสูงกว่าระดับทางจิตวิทยาสำคัญนี้เมื่อวันอังคาร(28 ก.พ.) ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ต้นปีมา ราคาหุ้นของสหรัฐฯพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเล็งการณ์แง่ดีว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวดีขึ้น
นอกจากนั้น การที่เบอร์นันในคราวนี้ ยังไม่พาดพิงถึงความเป็นไปได้ในการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (quantitative easing 3 หรือ QE3) ก็เป็นปัจจัยที่ที่ตลาดมองว่าเป็นเรื่องลบ จนกระทั่งราคาพันธบัตรคลังสหรัฐฯลดต่ำลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งขึ้น และราคาทองคำหล่นลง 3% ถือเป็นการลดแรงที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 2 เดือนครึ่ง
