ผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ประชาชนกลุ่มตัวอย่างเกือบร้อยละ 54 มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย และรายได้เริ่มฝืดเคืองจนต้องมีการกู้ยืมเงินจากญาติพี่น้อง และนำเงินออกมาใช้ รวมถึงขายและจำนำทรัพย์สินที่มีอยู่ ดังนั้นประชาชนจึงหวังให้ภาครัฐนั้นเข้ามาช่วยดูแลค่าครองชีพ และราคาน้ำมัน เพราะราคาเบนซินจะแตะระดับ 40 บาทต่อลิตร ขณะที่ดีเซลแตะ 35 บาทต่อลิตร ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ระบุว่า ผลการสำรวจเผยว่า เหตุน้ำท่วมนั้นไม่กระทบต่อประชาชนมากนัก เพราะมีการปลดคนงานเพียงแค่ 50,000 คน การจ้างงานส่วนใหญ่ยังคงปกติ แต่ประชาชนกลับมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากราคาสินค้าและน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ประชาชนมีความกังวลเรื่องรายได้ เพราะว่าเงินตรึงตัว ซึ่งรัฐบาลควรจะสนับสนุนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เข้ามาดูแลปัญหาเงินเฟ้อ และราคาสินค้าให้เหมาะสม ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ประชาชนเกือบร้อยละ 60 เชื่อมั่นในระดับปานกลาง ส่วนร้อยละ 26 เชื่อมั่นน้อย เนื่องจากภาครัฐไม่มีเอกภาพในการบริหารจัดการ แนวทางป้องกันไม่ชัดเจน และดูจากผลงานในปีที่ผ่านมา โดยเสนอแนะให้รัฐบาลนั้นเร่งปลูกป่า และทำแก้มลิงตามพระราชดำริ
ทั้งนี้ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ระบุว่า ผลการสำรวจเผยว่า เหตุน้ำท่วมนั้นไม่กระทบต่อประชาชนมากนัก เพราะมีการปลดคนงานเพียงแค่ 50,000 คน การจ้างงานส่วนใหญ่ยังคงปกติ แต่ประชาชนกลับมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากราคาสินค้าและน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ประชาชนมีความกังวลเรื่องรายได้ เพราะว่าเงินตรึงตัว ซึ่งรัฐบาลควรจะสนับสนุนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เข้ามาดูแลปัญหาเงินเฟ้อ และราคาสินค้าให้เหมาะสม ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ ประชาชนเกือบร้อยละ 60 เชื่อมั่นในระดับปานกลาง ส่วนร้อยละ 26 เชื่อมั่นน้อย เนื่องจากภาครัฐไม่มีเอกภาพในการบริหารจัดการ แนวทางป้องกันไม่ชัดเจน และดูจากผลงานในปีที่ผ่านมา โดยเสนอแนะให้รัฐบาลนั้นเร่งปลูกป่า และทำแก้มลิงตามพระราชดำริ
