นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมพิจารณาแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้ ก๊าซเอ็นจีวี ปรับลดอัตราเงินชดเชยราคาลง 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี เพิ่มขึ้นจาก 9 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 9.50 บาทต่อกิโลกรัม ก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.40 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี เพิ่มขึ้น 75 สตางค์ต่อกิโลกรัม เป็น 19.58 บาทต่อกิโลกรัม น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน เพิ่ม 1 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เพิ่มขึ้น 1.07 บาทต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ไม่ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม โดยให้คงอัตราการจัดเก็บไว้ที่ 60 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันดังกล่าว จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันมีภาระลดลงประมาณวันละ 21 ล้านบาท จากติดลบวันละ 142 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 121 ล้านบาท
การปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันดังกล่าว จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันมีภาระลดลงประมาณวันละ 21 ล้านบาท จากติดลบวันละ 142 ล้านบาท เป็นติดลบวันละ 121 ล้านบาท