นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งรัฐ ฐานล่วงละเมิดสถาบัน หรือ คดีล้มเจ้า ตามแผนผังล้มเจ้าของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ จะสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหา 2 คน กรณีกระทำความผิดตามมาตรา 112 ตามแผนผังศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยผู้ที่ถูกฟ้องเป็นบุคคลที่มีชื่ออยู่ใน 39 รายชื่อของแผนผัง ศอฉ. ยืนยันว่า กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า ดีเอสไอจะเปลี่ยนจุดยืนและล้มคดีนั้น ไม่เป็นความจริง ขอยืนยันว่า จะไม่มีการยกเลิกคดีนี้ จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ทั้ง 39 รายชื่อ ในผัง ศอฉ. มีทั้งกลุ่มคนสีดำ และกลุ่มคนสีขาว ดังนั้น จะต้องมีทั้งคนที่กระทำความผิดและคนที่ไม่ได้กระทำความผิด เป็นไปไม่ได้ที่รายชื่อทั้งหมดจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา โดยในการตรวจสอบจะทำอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ที่ผ่านมาดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งให้ อัยการ พิจารณาสั่งฟ้องไปแล้วหลายสำนวน
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอทยอยสั่งไม่ฟ้อง กรณีวิทยุชุมชนเผยแพร่คำปราศรัยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ในวันที่ 10 เมษายน 2553 นายธาริต กล่าวว่า การสอบสวนเรื่องวิทยุชุมชน มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเจตนาในการกระทำความผิด เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดสดการปราศรัยของนายจตุพร ทำให้ไม่สามารถทราบล่วงหน้าว่า จะมีการใช้คำพูดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง แต่หากมีหลักฐานว่า วิทยุชุมชนใด รู้เห็นเป็นใจ ก็ต้องถือว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดี คดีอาญาต้องดูเจตนาเป็นสำคัญ
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอทยอยสั่งไม่ฟ้อง กรณีวิทยุชุมชนเผยแพร่คำปราศรัยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ในวันที่ 10 เมษายน 2553 นายธาริต กล่าวว่า การสอบสวนเรื่องวิทยุชุมชน มีปัญหาเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเจตนาในการกระทำความผิด เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดสดการปราศรัยของนายจตุพร ทำให้ไม่สามารถทราบล่วงหน้าว่า จะมีการใช้คำพูดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง แต่หากมีหลักฐานว่า วิทยุชุมชนใด รู้เห็นเป็นใจ ก็ต้องถือว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดี คดีอาญาต้องดูเจตนาเป็นสำคัญ