นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า หลังจากที่เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ในภาคใต้ โดยบางแห่งมีปริมาณมากกว่า 150 มิลลิเมตร แต่ขณะนี้ไม่มีรายงานการเกิดดินโคลนถล่มขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นการเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์บางจุด ส่งผลให้ถนนและสะพานหลายแห่งได้รับความเสียหาย ทั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อเนื่องจนถึง จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ระนอง และ ชุมพร อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่เกิดสถานการณ์รุนแรงแต่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช บริเวณรอบเขาหลวงและบริเวณใกล้เคียง
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดดินถล่มมี 4 สาเหตุ ทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ลักษณะหินบนภูเขา ลักษณะภูมิประเทศ และสภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งการตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกพื้นที่เพื่อปลูกยางพารา รวมไปถึงการตัดภูเขาหรือสร้างถนน เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม และส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดดินโคลนถล่มได้
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดดินถล่มมี 4 สาเหตุ ทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ลักษณะหินบนภูเขา ลักษณะภูมิประเทศ และสภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งการตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกพื้นที่เพื่อปลูกยางพารา รวมไปถึงการตัดภูเขาหรือสร้างถนน เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม และส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดดินโคลนถล่มได้
