ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับ ให้รับฟ้องที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากกรณีเมื่อปี 2552 นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ให้ยกเลิกคำสั่งปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ออกจากราชการ จากความผิดกรณีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปราบปรามประชาชนที่ชุมนุมด้านหน้าอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิดวินัยร้ายแรง
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ โดยเห็นว่าการยื่นฟ้องของผู้ฟ้องพ้นระยะเวลา 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อ ก.ตร. มีมติว่าการกระทำของผู้ฟ้องไม่ผิดวินัยร้ายแรง และผู้ถูกฟ้องได้มีหนังสือถึงผู้ฟ้องฉบับสุดท้าย ว่า มีการหารือปัญหากฎหมายต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ระบุด้วยว่า ผู้ฟ้องสามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้ หากเห็นว่าการกระทำไม่ถูกต้อง กรณีการกระทำจึงเห็นได้ว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องเห็นว่าคำชี้แจงนั้นไม่มีเหตุผล และยื่นฟ้องคดีหลังได้รับหนังสือฉบับสุดท้าย จึงเป็นการฟ้องในกำหนดเวลาตามกฎหมาย อุทธรณ์ฟังขึ้น จึงมีคำสั่งกลับให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องไว้พิจารณา
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ โดยเห็นว่าการยื่นฟ้องของผู้ฟ้องพ้นระยะเวลา 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อ ก.ตร. มีมติว่าการกระทำของผู้ฟ้องไม่ผิดวินัยร้ายแรง และผู้ถูกฟ้องได้มีหนังสือถึงผู้ฟ้องฉบับสุดท้าย ว่า มีการหารือปัญหากฎหมายต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ระบุด้วยว่า ผู้ฟ้องสามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้ หากเห็นว่าการกระทำไม่ถูกต้อง กรณีการกระทำจึงเห็นได้ว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องเห็นว่าคำชี้แจงนั้นไม่มีเหตุผล และยื่นฟ้องคดีหลังได้รับหนังสือฉบับสุดท้าย จึงเป็นการฟ้องในกำหนดเวลาตามกฎหมาย อุทธรณ์ฟังขึ้น จึงมีคำสั่งกลับให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องไว้พิจารณา