นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ คาดการณ์ถึงสภาพอากาศในปีหน้าว่า จะมีปริมาณน้ำมาก คือฝนจะมากกว่าค่าเฉลี่ย โดยปริมาณน้ำมาจากฝนมรสุมที่พอกับปีนี้ และยังเป็นห่วงว่าสถานการณ์ที่มีน้ำมาเติมนอกจากมรสุมอาจเกิดขึ้นได้อีก นอกจากนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีพายุหรือร่องความกดอากาศต่ำที่เข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างในปีนี้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใดนำมาคาดการณ์ได้ ส่วนดาวเทียมที่ใช้คาดการณ์พายุจะมองเห็นเมื่อพายุเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสามารถใช้ในการเตือนภัยได้ 5 - 10 วันล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถบริการจัดการน้ำหรือป้องกันอย่างอื่นได้ทัน
ขณะที่ประเทศไทยจะต้องอยู่ในภาวะน้ำมากแบบนี้อีกราว 5-10 ปีตามวงรอบ ซึ่งปัจจัยจากโลกร้อนอาจเป็นผลในการเสริมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่อยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องจับตาหลังจาก 10 ปีไปแล้ว สภาพอากาศอาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป
สำหรับหน้าแล้งปีนี้จะเริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าปกติ เนื่องจากมีการระบายน้ำไว้มากในช่วงนี้ จึงอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่นอกเขตชลประทานเป็นหลัก
ขณะที่ประเทศไทยจะต้องอยู่ในภาวะน้ำมากแบบนี้อีกราว 5-10 ปีตามวงรอบ ซึ่งปัจจัยจากโลกร้อนอาจเป็นผลในการเสริมบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่อยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ต้องจับตาหลังจาก 10 ปีไปแล้ว สภาพอากาศอาจจะเปลี่ยนรูปแบบไป
สำหรับหน้าแล้งปีนี้จะเริ่มต้นขึ้นเร็วกว่าปกติ เนื่องจากมีการระบายน้ำไว้มากในช่วงนี้ จึงอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่นอกเขตชลประทานเป็นหลัก