นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้ประสบภัยทยอยซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหาย แต่ทั้งนี้ปรากฏว่า มีผู้รับเหมาบางคนฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าจ้าง ซึ่งค่าจ้างเหมาที่แพงขึ้น เนื่องมาจากความต้องการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงมาก แต่บริษัทรับเหมาที่มีอยู่รองรับได้ไม่ทั้งหมด โดยในช่วงที่ผ่านมามีการร้องเรียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.และกรมการค้าภายในเข้ามา แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดที่กำหนดราคากลางในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย
สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร จึงได้กำหนดราคาประมาณการในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โดยคำนวณจากราคารับเหมาปกติ เพื่อเป็นเกณฑ์นำไปอ้างอิง เช่น งานปูกระเบื้องยาแนวพื้นผนัง ค่าวัสดุตารางเมตรละ 150-500 บาท ส่วนค่าแรงตารางเมตรละ 210-250 บาท การรื้อชักโครกติดตั้งชักโครก 1 ชุด ค่าวัสดุ 1,500-18,000 บาท ค่าแรง 400-600 บาท งานฝ้าเพดาน ค่าวัสดุ ค่าแรงรื้อโครงทั้งหมด ตารางเมตรละ 300 บาท รวมค่ารื้อถอนของเดิมแล้ว
นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ยังแนะนำว่า เพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยถูกลง ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เช่นหมู่บ้านเดียวกันอาจจะมารวมตัวกันจ้างเหมางานวัสดุที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านทั่วไปก็ควรจัดซื้อเอง เนื่องจากมีความแตกต่างทั้งในเรืองคุณภาพและราคา
สำหรับงานซ่อมสีควรรอให้ความชื้นตามผนังบ้านหมดไปก่อน โดยอาจใช้พลาสติกปิด และเทปกาวหุ้ม เพื่อตรวจดู หากมีละอองน้ำก็แสดงว่ายังคงมีความชื้นอยู ส่วนกรณีวอลเปเปอร์ควรลอกออกให้หมด แม้ในบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง เพราะว่าอาจจะเกิดเชื้อราขึ้นได้ในอนาคต
สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร จึงได้กำหนดราคาประมาณการในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โดยคำนวณจากราคารับเหมาปกติ เพื่อเป็นเกณฑ์นำไปอ้างอิง เช่น งานปูกระเบื้องยาแนวพื้นผนัง ค่าวัสดุตารางเมตรละ 150-500 บาท ส่วนค่าแรงตารางเมตรละ 210-250 บาท การรื้อชักโครกติดตั้งชักโครก 1 ชุด ค่าวัสดุ 1,500-18,000 บาท ค่าแรง 400-600 บาท งานฝ้าเพดาน ค่าวัสดุ ค่าแรงรื้อโครงทั้งหมด ตารางเมตรละ 300 บาท รวมค่ารื้อถอนของเดิมแล้ว
นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ยังแนะนำว่า เพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยถูกลง ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เช่นหมู่บ้านเดียวกันอาจจะมารวมตัวกันจ้างเหมางานวัสดุที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านทั่วไปก็ควรจัดซื้อเอง เนื่องจากมีความแตกต่างทั้งในเรืองคุณภาพและราคา
สำหรับงานซ่อมสีควรรอให้ความชื้นตามผนังบ้านหมดไปก่อน โดยอาจใช้พลาสติกปิด และเทปกาวหุ้ม เพื่อตรวจดู หากมีละอองน้ำก็แสดงว่ายังคงมีความชื้นอยู ส่วนกรณีวอลเปเปอร์ควรลอกออกให้หมด แม้ในบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง เพราะว่าอาจจะเกิดเชื้อราขึ้นได้ในอนาคต