บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซนตกลงเพิ่มสมรรถนะของกองทุนที่จะใช้ในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของภูมิภาคนี้ แต่ยังสรุปตัวเลขชัดเจนไม่ได้ นอกจากนี้ยังแสดงท่าทีอาจหันไปขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากไอเอ็มเอฟ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีก็พุ่งโด่งขึ้นไปอีก กดดันยุโรปขยับใกล้หายนะทางการเงินยิ่งขึ้น
วิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปที่ยืดเยื้อมาสองปี กำลังส่งผลให้นักลงทุนพากันหนีตลาดพันธบัตรในยูโรโซน ขณะที่แบงก์ยุโรปทิ้งพันธบัตรรัฐบาล คนแห่ถอนเงินจากแบงก์ทางแถบยุโรปใต้ และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอยโหมกระพือความเคลือบแคลงข้องใจเกี่ยวกับความอยู่รอดของระบบเงินสกุลเดียวแห่งยุโรป
ในบรรยายกาศอันอึมครึมเช่นนี้ ยูโรกรุ๊ป หรือที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง 17 ชาติยูโรโซน ซึ่งหารือกันเมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับแผนการรายละเอียดในการเข้าค้ำประกันพันธบัตรล็อตใหม่ๆ ที่พวกประเทศยูโรโซนที่มีปัญหาจะนำออกขายระดมทุน โดยที่จะเข้าค้ำประกันในส่วน 20-30% แรกของพันธบัตรเหล่านี้ นอกจากนั้น ยูโรกรุ๊ปยังเห็นพ้องกันในเรื่องการตั้งกองทุนร่วมลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซน
ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ป แจงว่าทั้งสองกลไกจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม โดยที่กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) พร้อมสนับสนุนเงินทุนราว 250,000 ล้านยูโร
กระนั้น เคลาส์ เรกลิง ประธานอีเอฟเอสเอฟ ไม่คาดหวังว่านักลงทุนจะเต็มใจลงทุนก้อนใหญ่กับพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนในระยะนี้ อีกทั้งไม่สามารถระบุเป้าหมายสุดท้ายในการขยายกองทุนได้ ขณะที่จุงเกอร์ยอมรับว่า อาจไม่สามารถขยายกองทุนอีเอฟเอสเอฟได้ถึงเป้า 1 ล้านล้านยูโรตามที่เคยตั้งเป้าหมายไว้
ด้วยเหตุนี้ รวมถึงด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า เยอรมนียังคงค้านหัวชนฝาไม่ให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รับบทผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย ยูโรกรุ๊ปจึงมีความเห็นว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อาจให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ โดยที่ยุโรปร่วมสมทบด้วยในสัดส่วนเท่ากัน เพื่อสนับสนุนการขยายกองทุนอีเอฟเอสเอฟ
วิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปที่ยืดเยื้อมาสองปี กำลังส่งผลให้นักลงทุนพากันหนีตลาดพันธบัตรในยูโรโซน ขณะที่แบงก์ยุโรปทิ้งพันธบัตรรัฐบาล คนแห่ถอนเงินจากแบงก์ทางแถบยุโรปใต้ และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอยโหมกระพือความเคลือบแคลงข้องใจเกี่ยวกับความอยู่รอดของระบบเงินสกุลเดียวแห่งยุโรป
ในบรรยายกาศอันอึมครึมเช่นนี้ ยูโรกรุ๊ป หรือที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง 17 ชาติยูโรโซน ซึ่งหารือกันเมื่อวันอังคาร (29 พ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับแผนการรายละเอียดในการเข้าค้ำประกันพันธบัตรล็อตใหม่ๆ ที่พวกประเทศยูโรโซนที่มีปัญหาจะนำออกขายระดมทุน โดยที่จะเข้าค้ำประกันในส่วน 20-30% แรกของพันธบัตรเหล่านี้ นอกจากนั้น ยูโรกรุ๊ปยังเห็นพ้องกันในเรื่องการตั้งกองทุนร่วมลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซน
ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ป แจงว่าทั้งสองกลไกจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม โดยที่กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) พร้อมสนับสนุนเงินทุนราว 250,000 ล้านยูโร
กระนั้น เคลาส์ เรกลิง ประธานอีเอฟเอสเอฟ ไม่คาดหวังว่านักลงทุนจะเต็มใจลงทุนก้อนใหญ่กับพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนในระยะนี้ อีกทั้งไม่สามารถระบุเป้าหมายสุดท้ายในการขยายกองทุนได้ ขณะที่จุงเกอร์ยอมรับว่า อาจไม่สามารถขยายกองทุนอีเอฟเอสเอฟได้ถึงเป้า 1 ล้านล้านยูโรตามที่เคยตั้งเป้าหมายไว้
ด้วยเหตุนี้ รวมถึงด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า เยอรมนียังคงค้านหัวชนฝาไม่ให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รับบทผู้ให้กู้ยืมแหล่งสุดท้าย ยูโรกรุ๊ปจึงมีความเห็นว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อาจให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ โดยที่ยุโรปร่วมสมทบด้วยในสัดส่วนเท่ากัน เพื่อสนับสนุนการขยายกองทุนอีเอฟเอสเอฟ