นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับ คณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน ซึ่งประกอบไปด้วย ประธานหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย ที่บางกอกคลับ อาคารสาธรซิตี้ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสถาอุตสาหกรรม กล่าวว่า การประชุมอย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ถือว่าได้ข้อยุติในระดับหนึ่ง โดยภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์จะมีการหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งรัฐบาลมีท่าทีรับพิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชน หากรัฐบาลจะประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททันที จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหลายกลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อาหาร สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ดังนั้นจึงเห็นว่ารัฐบาลควรที่จะปรับอัตราค่าจ้างแรงงานเป็นแบบขั้นบันไดในช่วง 4 ปีนี้ เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวได้ ซึ่งทางภาครัฐรับปากที่จะเสนอประเด็นปัญหานี้ไปหารือกับฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งในภาพรวมภาคเอกชนไม่ได้ขัดข้องในการปรับค่าจ้างแรงงานครั้งนี้ โดยหากภาคเอกชนกลุ่มใดที่มีความพร้อมสามารถเดินหน้าปรับขึ้นค่าแรงได้ทันที ทั้งนี้ภาคเอกชนยังยืนยันว่า ในการเจรจาต่อรองขึ้นค่าจ้างแรงงานควรผ่านคณะกรรมการไตรภาคี
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท จะไม่เป็นมาตรการบังคับ ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ประสิทธิภาพแรงงานจะต้องปรับขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเร่งหามาตรการทางอ้อม เพื่อชดเชยเข้าไปช่วยเหลือภาคเอกชนด้วย
โดยนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสถาอุตสาหกรรม กล่าวว่า การประชุมอย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ถือว่าได้ข้อยุติในระดับหนึ่ง โดยภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์จะมีการหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งรัฐบาลมีท่าทีรับพิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชน หากรัฐบาลจะประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททันที จะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหลายกลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อาหาร สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ดังนั้นจึงเห็นว่ารัฐบาลควรที่จะปรับอัตราค่าจ้างแรงงานเป็นแบบขั้นบันไดในช่วง 4 ปีนี้ เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวได้ ซึ่งทางภาครัฐรับปากที่จะเสนอประเด็นปัญหานี้ไปหารือกับฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งในภาพรวมภาคเอกชนไม่ได้ขัดข้องในการปรับค่าจ้างแรงงานครั้งนี้ โดยหากภาคเอกชนกลุ่มใดที่มีความพร้อมสามารถเดินหน้าปรับขึ้นค่าแรงได้ทันที ทั้งนี้ภาคเอกชนยังยืนยันว่า ในการเจรจาต่อรองขึ้นค่าจ้างแรงงานควรผ่านคณะกรรมการไตรภาคี
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท จะไม่เป็นมาตรการบังคับ ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ประสิทธิภาพแรงงานจะต้องปรับขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเร่งหามาตรการทางอ้อม เพื่อชดเชยเข้าไปช่วยเหลือภาคเอกชนด้วย
