เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงในวันจันทร์(15) กำลังทบทวนนโยบายต่างๆของรัฐบาลเพื่อกอบกู้ความ "แตกสลายทางศีลธรรม" ที่เขากล่าวโทษเป็นต้นตอของเหตุจลาจลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนไป 5 ราย
นอกจากนี้เขายังให้คำมั่นทุ่มเทสุดกำลังปราบปรามแก๊งข้างถนนต่างๆขณะที่อังกฤษกำลังหาคำตอบต่อความยุ่งเหยิงทางพลเรือนครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษอันกัดเซาะภาพลักษณ์ของประเทศก่อนที่ลอนดอนจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ในปีหน้า
"นี่คือเสียงปลุกสำหรับประเทศของเรา ปัญหาทางสังคมที่อมหนองมาหลายทศวรรษได้ระเบิดใส่หน้าเรา" คาเมรอนกล่าวปราศรัยต่อสโมสรเยาวชนแห่งหนึ่ง ในเมืองวิทนีย์ ทางใต้ของอังกฤษ "เราจะมุ่งมั่นต่อสู้กับความล่มสลายทางสังคมในหลายพื้นที่ซึ่งหมักหมมมาหลายยุคหลายสมัยหรือไม่" เขาร้องถามผู้เข้าร่วมประชุม
เด็กอายุเพียงแค่ 11 ปี เข้าร่วมในเหตุปล้นสะดมและก่อจลาจล 4 คืนที่ลุกลามจากลอนดอนสู่เมืองอื่นๆของอังกฤษ อาทิแมนเชสเตอร์และเบอร์มิงแฮม ขณะที่บ้านเรือนและร้านค้าหลายสิบแห่งถูกเผาผลาญในเปลวเพลิง
คาเมรอน ต้องการเห็นเด็กอายุ 16 ปีทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการพลเมืองอาสาสมัครแห่งชาติในแผนคลี่คลายปัญหาความเหินห่างของกลุ่มวัยรุ่น โดยตอนนี้มีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่พันคนต่อปี หนึ่งในความพยายามคืนความสงบสุขสู่ท้องถนนสายต่างๆของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นทบทวนกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่บิดเบี้ยวและตีความกันผิดๆด้วย
นอกจากนี้เขายังให้คำมั่นทุ่มเทสุดกำลังปราบปรามแก๊งข้างถนนต่างๆขณะที่อังกฤษกำลังหาคำตอบต่อความยุ่งเหยิงทางพลเรือนครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษอันกัดเซาะภาพลักษณ์ของประเทศก่อนที่ลอนดอนจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ในปีหน้า
"นี่คือเสียงปลุกสำหรับประเทศของเรา ปัญหาทางสังคมที่อมหนองมาหลายทศวรรษได้ระเบิดใส่หน้าเรา" คาเมรอนกล่าวปราศรัยต่อสโมสรเยาวชนแห่งหนึ่ง ในเมืองวิทนีย์ ทางใต้ของอังกฤษ "เราจะมุ่งมั่นต่อสู้กับความล่มสลายทางสังคมในหลายพื้นที่ซึ่งหมักหมมมาหลายยุคหลายสมัยหรือไม่" เขาร้องถามผู้เข้าร่วมประชุม
เด็กอายุเพียงแค่ 11 ปี เข้าร่วมในเหตุปล้นสะดมและก่อจลาจล 4 คืนที่ลุกลามจากลอนดอนสู่เมืองอื่นๆของอังกฤษ อาทิแมนเชสเตอร์และเบอร์มิงแฮม ขณะที่บ้านเรือนและร้านค้าหลายสิบแห่งถูกเผาผลาญในเปลวเพลิง
คาเมรอน ต้องการเห็นเด็กอายุ 16 ปีทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการพลเมืองอาสาสมัครแห่งชาติในแผนคลี่คลายปัญหาความเหินห่างของกลุ่มวัยรุ่น โดยตอนนี้มีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่พันคนต่อปี หนึ่งในความพยายามคืนความสงบสุขสู่ท้องถนนสายต่างๆของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นทบทวนกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่บิดเบี้ยวและตีความกันผิดๆด้วย