พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยถึง พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2554 ที่ทรงเป็นห่วงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหายาเสพติด ว่า กอ.รมน.ภาค 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า น้อมรับพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งที่ผ่านมาทาง กอ.รมน.ภาค 4 ได้เข้าไปดูแลโครงการตามพระราชดำริในพื้นที่กว่าสามร้อยโครงการ ที่อยู่ในความรับผิดชอบทั้งหมดของภาคใต้ ซึ่งผลจากการปฎิบัติงาน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติดนั้น ได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 หรือ ป.ป.ส.ภาค 9 ในการป้องกันและปราบปราม ไม่ว่าจะเป็นมัสยิดสานใจป้องกันภัยยาเสพติด ในจำนวนกว่า 2,000 หมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจากการประเมินผล ค่อนข้างจะพอใจ เนื่องจากโครงการนี้ทำให้ชุมชนสามารถดูแลกันเองได้
นอกจากนี้ยังมีโครงการญาลันนันบารู ที่ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะนี้มีชมรมญาลันนันบารู กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนเชื่อว่าทั้งสองโครงการนี้จะช่วยให้สถานการณ์ความรุนแรงทางด้านยาเสพ ติดในพื้นที่ลดน้อยลง และเบาบางลงได้ ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมาพบว่าเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ หลายเหตุการณ์พบว่าเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน ขณะนี้ ตนเชื่อว่าการทำงานปราบปรามร่วมกับ ปปส.ภาค 9 ค่อนข้างที่จะได้ผล เนื่องจากสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติด รวมทั้งน้ำมันเถื่อนได้มากขึ้น
พล.ท.อุดมชัย ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม รวมทั้งครู ได้มีการหารือร่วมกันทั้งหมด เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีมาตรการที่เข้มข้นอยู่แล้ว แต่มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขการทำงานอยู่ตลอดเวลา
สำหรับในช่วงนี้ซึ่งอยู่ในช่วงใกล้จะสิ้นเดือนถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปรับแผนการทำงานดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้อง ชาวไทยมุสลิม ที่ปฎิบัติศาสนกิจ พร้อมทั้งผนึกกำลังกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้ร่วมกันดูแลรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหมู่บ้านประมาณ 2,000 กว่าหมู่บ้าน แต่มีหมู่บ้านที่ถูกจัดตั้งอำนาจซ้อน ของอำนาจรัฐอยู่เพียง 309 หมู่บ้านเท่านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งขณะนี้ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เร่งเข้าไปดำเนินการสร้างความเข้าใจ และให้ความเชื่อมั่นในความยุติธรรมกับกลุ่มพี่น้องใน 309 หมู่บ้านเหล่านั้น เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ตนเองเชื่อว่าความไม่เข้าใจของพี่น้องกลุ่มนี้ จะสามารถสร้างความเข้าใจได้โดยใช้ความจริงใจของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และตนเองก็เปิดโอกาสให้ทุกคน ที่ยังจับอาวุธปืนต่อสู้กับรัฐนั้น ให้กลับเข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศ พัฒนาพื้นที่ร่วมกัน
ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติดนั้น ได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 หรือ ป.ป.ส.ภาค 9 ในการป้องกันและปราบปราม ไม่ว่าจะเป็นมัสยิดสานใจป้องกันภัยยาเสพติด ในจำนวนกว่า 2,000 หมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจากการประเมินผล ค่อนข้างจะพอใจ เนื่องจากโครงการนี้ทำให้ชุมชนสามารถดูแลกันเองได้
นอกจากนี้ยังมีโครงการญาลันนันบารู ที่ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะนี้มีชมรมญาลันนันบารู กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนเชื่อว่าทั้งสองโครงการนี้จะช่วยให้สถานการณ์ความรุนแรงทางด้านยาเสพ ติดในพื้นที่ลดน้อยลง และเบาบางลงได้ ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมาพบว่าเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ หลายเหตุการณ์พบว่าเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน ขณะนี้ ตนเชื่อว่าการทำงานปราบปรามร่วมกับ ปปส.ภาค 9 ค่อนข้างที่จะได้ผล เนื่องจากสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติด รวมทั้งน้ำมันเถื่อนได้มากขึ้น
พล.ท.อุดมชัย ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม รวมทั้งครู ได้มีการหารือร่วมกันทั้งหมด เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีมาตรการที่เข้มข้นอยู่แล้ว แต่มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขการทำงานอยู่ตลอดเวลา
สำหรับในช่วงนี้ซึ่งอยู่ในช่วงใกล้จะสิ้นเดือนถือศีลอดของชาวไทยมุสลิม ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปรับแผนการทำงานดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้อง ชาวไทยมุสลิม ที่ปฎิบัติศาสนกิจ พร้อมทั้งผนึกกำลังกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้ร่วมกันดูแลรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีหมู่บ้านประมาณ 2,000 กว่าหมู่บ้าน แต่มีหมู่บ้านที่ถูกจัดตั้งอำนาจซ้อน ของอำนาจรัฐอยู่เพียง 309 หมู่บ้านเท่านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งขณะนี้ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เร่งเข้าไปดำเนินการสร้างความเข้าใจ และให้ความเชื่อมั่นในความยุติธรรมกับกลุ่มพี่น้องใน 309 หมู่บ้านเหล่านั้น เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ตนเองเชื่อว่าความไม่เข้าใจของพี่น้องกลุ่มนี้ จะสามารถสร้างความเข้าใจได้โดยใช้ความจริงใจของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และตนเองก็เปิดโอกาสให้ทุกคน ที่ยังจับอาวุธปืนต่อสู้กับรัฐนั้น ให้กลับเข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศ พัฒนาพื้นที่ร่วมกัน
