นายสมพร เพ็ชรประสิทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมการบินภูเก็ต กล่าวถึงเหตุการณ์เครื่องบินบริษัท การบินไทย TG201 ที่บินจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต ไม่สามารถลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตได้ตามปกติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย นักบินจึงตัดสินใจนำเครื่องบินกลับมาลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ก่อนขึ้นบินอีกครั้ง หลังสภาพอากาศเป็นปกติ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงถึงความปลอดภัย และเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอยปี 2550 ที่เครื่องบินวันทูโก ลื่นไถลออกนอกรันเวย์สนามบินนานาชาติภูเก็ตขณะลงจอด เนื่องจากมีฝนตกอย่างหนัก และทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 89 ราย นั้น โดยยืนยันว่า สามารถรายงานข้อมูลสภาพอากาศ และแจ้งเตือนให้นักบินปฏิบัติตามข้อกำหนดการบินได้ทัน 100% หากเครื่องบินไม่สามารถขึ้นลงจอดได้ตามปกติ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นฤดูมรสุม แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบินว่า จะขึ้นลงจอดหรือไม่
ทั้งนี้ ยังแสดงความมั่นใจเรื่องการควบคุมการจราจรทางอากาศ เนื่องจากล่าสุด ได้มีการนำเทคโนโลยีดาวเทียมระบบเรดาร์ทุติยภูมิมาใช้เป็นแห่งแรกของไทย เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยสูง
ด้านนางดวงใจ คอนดี ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ยังยืนยันถึงความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากการท่าฯ ภูเก็ต ได้เตรียมพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกตามมาตรฐานสากล และที่ผ่านมา ได้มีการซ้อมแผนฉุกเฉินตามมาตรฐานสากลทุกปี
ทั้งนี้ ยังแสดงความมั่นใจเรื่องการควบคุมการจราจรทางอากาศ เนื่องจากล่าสุด ได้มีการนำเทคโนโลยีดาวเทียมระบบเรดาร์ทุติยภูมิมาใช้เป็นแห่งแรกของไทย เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยสูง
ด้านนางดวงใจ คอนดี ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ยังยืนยันถึงความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากการท่าฯ ภูเก็ต ได้เตรียมพร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกตามมาตรฐานสากล และที่ผ่านมา ได้มีการซ้อมแผนฉุกเฉินตามมาตรฐานสากลทุกปี