กรณีที่กัมพูชายื่นคำร้องคุ้มครองชั่วคราว ให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ไอซีเจ) หรือศาลโลก รายงานข่าวเปิดเผยว่าศาลโลกนัดอ่านคำพิพากษาในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่ขอให้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาจัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมภายเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน และส่งคำชี้แจงของแต่ละประเทศให้อีกฝ่ายหนึ่งทำข้อมูลแย้งและส่งคืนศาลเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำตีความและคำขอคุ้มครองชั่วคราว กล่าวอ้างว่า คำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 ตัดสินให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาไปแล้วตามแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชายึดถือ ซึ่งรวมถึงบริเวณพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ด้วย
ขณะที่ฝ่ายไทยโต้แย้งว่า คำตัดสินของศาลโลกครั้งนั้นตัดสินเฉพาะตัวปราสาท ไม่ได้ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดน และไทยก็ปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกครบถ้วนแล้ว มีการขีดเส้นรอบอาณาบริเวณตัวปราสาทให้แล้ว และกัมพูชาก็ยอมรับโดยมิได้ทักท้วงใดๆ จนกระทั่งเมื่อปี 2550 กัมพูชาเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงอยากได้พื้นที่ 4.6 ตร.กม.รวมเข้าไปด้วย เพื่อให้แผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารมีความสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำตีความและคำขอคุ้มครองชั่วคราว กล่าวอ้างว่า คำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 ตัดสินให้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาไปแล้วตามแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชายึดถือ ซึ่งรวมถึงบริเวณพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ด้วย
ขณะที่ฝ่ายไทยโต้แย้งว่า คำตัดสินของศาลโลกครั้งนั้นตัดสินเฉพาะตัวปราสาท ไม่ได้ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดน และไทยก็ปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกครบถ้วนแล้ว มีการขีดเส้นรอบอาณาบริเวณตัวปราสาทให้แล้ว และกัมพูชาก็ยอมรับโดยมิได้ทักท้วงใดๆ จนกระทั่งเมื่อปี 2550 กัมพูชาเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงอยากได้พื้นที่ 4.6 ตร.กม.รวมเข้าไปด้วย เพื่อให้แผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารมีความสมบูรณ์