นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยว่า กกต.ได้ออกปฏิทินเลือกตั้งแล้ว หลังมีการยุบสภา โดยจะเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 19-23 พฤษภาคม และ ส.ส.แบ่งเขต 24-28 พฤษภาคม ขณะที่กำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 26 มิถุนายน ส่วนวันเลือกตั้งจริงคือวันที่ 3 กรกฎาคม
สำหรับโรงพิมพ์ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีการทุจริตนั้น ที่ผ่านมา กกต.ใช้โรงพิมพ์ของเอกชน จนมีข้อครหาว่าไม่โปร่งใส ดังนั้นครั้งนี้จึงจะใช้ระบบรัฐต่อรัฐ คือ ใช้โรงพิมพ์ของราชการ 2 แห่ง คือ ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสามารถจัดพิมพ์บัตรได้ 55 ล้านฉบับ เป็นการจ้างโดย กกต.จ่ายเงินให้โดยตรง ไม่ต้องมีการประมูล
ขณะที่พรรคการเมืองสามารถส่งตัวแทนเข้าไปสังเกตการณ์ได้ หรือจะนั่งเฝ้าก็ได้ โดยสามารถตรวจสอบจากโรงพิมพ์ก็ได้ว่าโปร่งใสหรือไม่ นอกจากนี้ ในวันเลือกตั้งยังสามารถส่งตัวแทนพรรคการเมืองไปเฝ้าสังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งได้ แต่ต้องไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง หรือการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนการรณรงค์ VOTE NO นั้น ต้องดูที่เจตนาว่าขัดขวางการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะขณะนี้เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว แต่กลับมีการคัดค้าน ซึ่งหากไม่ชอบก็สามารถกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนได้ แต่การกระทำในลักษณะเช่นนี้ตนมองว่าไม่ถูกต้อง สำหรับระบบแบ่งเขต เขตเดียวเบอร์เดียว เชื่อว่าประชาชนจะไม่สับสน เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ อีกทั้ง กกต.ก็ได้รณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม กกต.ยังไม่ได้รับหนังสือข้อควาปฏิบัติของรัฐบาลรักษาการ ซึ่ง กกต.จะมีประกาศออกมาให้ทราบในเร็วๆ นี้ ส่วนการใช้ทรัพยากร เช่น รถประจำตำแหน่ง ยังสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เช่น นำไปหาเสียง ส่วนกรณีที่ก้ำกึ่งกัน เช่น รปภ.นายกรัฐมนตรี ต้องดูว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อะไรอยู่ด้วย
สำหรับโรงพิมพ์ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีการทุจริตนั้น ที่ผ่านมา กกต.ใช้โรงพิมพ์ของเอกชน จนมีข้อครหาว่าไม่โปร่งใส ดังนั้นครั้งนี้จึงจะใช้ระบบรัฐต่อรัฐ คือ ใช้โรงพิมพ์ของราชการ 2 แห่ง คือ ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสามารถจัดพิมพ์บัตรได้ 55 ล้านฉบับ เป็นการจ้างโดย กกต.จ่ายเงินให้โดยตรง ไม่ต้องมีการประมูล
ขณะที่พรรคการเมืองสามารถส่งตัวแทนเข้าไปสังเกตการณ์ได้ หรือจะนั่งเฝ้าก็ได้ โดยสามารถตรวจสอบจากโรงพิมพ์ก็ได้ว่าโปร่งใสหรือไม่ นอกจากนี้ ในวันเลือกตั้งยังสามารถส่งตัวแทนพรรคการเมืองไปเฝ้าสังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งได้ แต่ต้องไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง หรือการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนการรณรงค์ VOTE NO นั้น ต้องดูที่เจตนาว่าขัดขวางการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะขณะนี้เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว แต่กลับมีการคัดค้าน ซึ่งหากไม่ชอบก็สามารถกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนได้ แต่การกระทำในลักษณะเช่นนี้ตนมองว่าไม่ถูกต้อง สำหรับระบบแบ่งเขต เขตเดียวเบอร์เดียว เชื่อว่าประชาชนจะไม่สับสน เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ อีกทั้ง กกต.ก็ได้รณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม กกต.ยังไม่ได้รับหนังสือข้อควาปฏิบัติของรัฐบาลรักษาการ ซึ่ง กกต.จะมีประกาศออกมาให้ทราบในเร็วๆ นี้ ส่วนการใช้ทรัพยากร เช่น รถประจำตำแหน่ง ยังสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เช่น นำไปหาเสียง ส่วนกรณีที่ก้ำกึ่งกัน เช่น รปภ.นายกรัฐมนตรี ต้องดูว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อะไรอยู่ด้วย