พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพลในพื้นที่ รวมทั้ง ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อม หัวหน้าหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ จชต. ร่วมให้การต้อนรับ
พล.อ.ประวิตร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สำหรับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมา มีเหตุเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ ที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก จากเหตุระเบิด และเหตุยิง ซึ่งตนได้รับทราบรายงานจากท่านแม่ทัพภาค 4 ว่า ได้มีการกดดันการทำงานของฝ่ายตรงข้ามทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถปฎิบัติการได้เสรี ซึ่งเป็นผลสะท้อนให้เห็นจากการทำงาน รวมทั้งในพื้นที่ป่าเขา ที่ได้มีการเข้าไปทำงาน ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบไม่มีพื้นที่ หันไปก่อเหตุกับผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะกรณีที่คนร้ายแต่งกายคล้ายทหาร แล้วไปก่อเหตุ ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าทหารไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปปฎิบัติการเกินกว่าเหตุ โดยในความเป็นจริงแล้วทหารจะไม่ปฎิบัติเช่นนั้นอย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ต้องการให้เกิดความสงบขึ้นในพื้นที่ ต้องการให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยล่าสุดพบว่าการทำงานที่ผ่านมา สามารถทำให้เป็นผลที่ดีขึ้นในหลายพื้นที่ ตนเองมีความพอใจในการทำงานของกองทัพภาคที่ 4 ฝ่ายตำรวจ และ ศอ.บต. ที่มีการประสานงานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงมากที่สุดคือประชาชน ตนเองอยากให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยให้ดีที่สุด สามารถประกอบอาชีพได้ นั่นคือความห่วงใยของรัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี ก็พูดอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงบโดยเร็ว
พล.อ.ประวิตร เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สำหรับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมา มีเหตุเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ ที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก จากเหตุระเบิด และเหตุยิง ซึ่งตนได้รับทราบรายงานจากท่านแม่ทัพภาค 4 ว่า ได้มีการกดดันการทำงานของฝ่ายตรงข้ามทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถปฎิบัติการได้เสรี ซึ่งเป็นผลสะท้อนให้เห็นจากการทำงาน รวมทั้งในพื้นที่ป่าเขา ที่ได้มีการเข้าไปทำงาน ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบไม่มีพื้นที่ หันไปก่อเหตุกับผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะกรณีที่คนร้ายแต่งกายคล้ายทหาร แล้วไปก่อเหตุ ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าทหารไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปปฎิบัติการเกินกว่าเหตุ โดยในความเป็นจริงแล้วทหารจะไม่ปฎิบัติเช่นนั้นอย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ต้องการให้เกิดความสงบขึ้นในพื้นที่ ต้องการให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยล่าสุดพบว่าการทำงานที่ผ่านมา สามารถทำให้เป็นผลที่ดีขึ้นในหลายพื้นที่ ตนเองมีความพอใจในการทำงานของกองทัพภาคที่ 4 ฝ่ายตำรวจ และ ศอ.บต. ที่มีการประสานงานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงมากที่สุดคือประชาชน ตนเองอยากให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยให้ดีที่สุด สามารถประกอบอาชีพได้ นั่นคือความห่วงใยของรัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี ก็พูดอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงบโดยเร็ว
