การประชุมวุฒิสภาครั้งสุดท้ายวันนี้ มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ ประธานเปิดโอกาสให้หารือ โดย ส.ว.ส่วนใหญ่อภิปรายแสดงความเป็นห่วงปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี หารือกรณีนายกรัฐมนตรีเตรียมยุบสภา ประมาณวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ และต้องมีรัฐบาลรักษาการ จึงกังวลต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านนางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา เสนอให้ไทยมีหน่วยงานดำเนินงานต่อเนื่องในการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือไม่ ขอให้หน่วยงานดังกล่าวทำหน้าที่ต่อไป โดยให้ศึกษาประวัติศาสตร์ทั้งข้อมูลเชิงลึกและกว้าง เพื่อวางนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อสันติภาพถาวร
ขณะที่ นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา แสงความเป็นห่วงว่าวัฒนธรรมไทย ที่ถูกกัมพูชานำไปยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นรำไทย วรรณกรรมขุนช้างขุนแผน เอกลักษณ์วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง โดยกัมพูชาลอกเลียนแบบ และยึดเป็นของตนเอง จึงเรียกร้องกระทรวงวัฒนธรรมเร่งจดทะเบียนแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ และแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ด้านนายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง เห็นว่า รัฐบาลและกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ยังไม่ทำหน้าที่ตามมาตรา 47 และมาตรา 81(2) ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอธิปไตย และสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรักษาความเป็นธรรมให้คนไทย
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงทีโออาร์ของการส่งผู้แทนอินโดนีเซียเข้าร่วมสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาตอบรับแต่ไทยยังไม่ตอบรับ เพราะยังมีความเห็นต่างกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายทหาร ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ามีความละเอียดอ่อน และมองว่าทีโออาร์เป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา 190 วรรคสอง ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะลงนามกับอินโดนีเซียโดยไม่ผ่านรัฐสภาไม่ได้
โดยนายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี หารือกรณีนายกรัฐมนตรีเตรียมยุบสภา ประมาณวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ และต้องมีรัฐบาลรักษาการ จึงกังวลต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านนางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา เสนอให้ไทยมีหน่วยงานดำเนินงานต่อเนื่องในการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือไม่ ขอให้หน่วยงานดังกล่าวทำหน้าที่ต่อไป โดยให้ศึกษาประวัติศาสตร์ทั้งข้อมูลเชิงลึกและกว้าง เพื่อวางนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อสันติภาพถาวร
ขณะที่ นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา แสงความเป็นห่วงว่าวัฒนธรรมไทย ที่ถูกกัมพูชานำไปยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นรำไทย วรรณกรรมขุนช้างขุนแผน เอกลักษณ์วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง โดยกัมพูชาลอกเลียนแบบ และยึดเป็นของตนเอง จึงเรียกร้องกระทรวงวัฒนธรรมเร่งจดทะเบียนแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ และแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ด้านนายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง เห็นว่า รัฐบาลและกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ยังไม่ทำหน้าที่ตามมาตรา 47 และมาตรา 81(2) ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอธิปไตย และสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรักษาความเป็นธรรมให้คนไทย
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงทีโออาร์ของการส่งผู้แทนอินโดนีเซียเข้าร่วมสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาตอบรับแต่ไทยยังไม่ตอบรับ เพราะยังมีความเห็นต่างกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายทหาร ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ามีความละเอียดอ่อน และมองว่าทีโออาร์เป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา 190 วรรคสอง ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะลงนามกับอินโดนีเซียโดยไม่ผ่านรัฐสภาไม่ได้