นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบีย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกจะส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าวิกฤตน้ำมันโลกในอดีต และยังมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ตลาดเตรียมรับมือกับสถานการณ์ได้ทัน จึงคาดว่าหากราคาน้ำมันไม่สูงขึ้นไปกว่านี้มากนัก จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก โดย ธปท.ยังคงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ อยู่ที่ร้อยละ 3-5
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อาจกระทบกับอัตราเงินเฟ้อของไทย ในไตรมาสที่ 4 ให้สูงเกินกรอบที่วางไว้ที่ร้อยละ 0.5-3 และหากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นเกิน 130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล อาจส่งผลให้ไทยขาดดุลบัญชีชำระเงินในปีนี้ แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ
ผู้ว่าการ ธปท. ยังยืนยันว่า จะใช้นโยบายดอกเบี้ยดูแลเงินเฟ้อ ไม่ใช่ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมยืนยันว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อาจกระทบกับอัตราเงินเฟ้อของไทย ในไตรมาสที่ 4 ให้สูงเกินกรอบที่วางไว้ที่ร้อยละ 0.5-3 และหากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นเกิน 130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล อาจส่งผลให้ไทยขาดดุลบัญชีชำระเงินในปีนี้ แต่เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ
ผู้ว่าการ ธปท. ยังยืนยันว่า จะใช้นโยบายดอกเบี้ยดูแลเงินเฟ้อ ไม่ใช่ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมยืนยันว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย
