สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า เมื่อเวลา 6.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาในไทยประมาณ 04.00 น.) ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ 2 ฟุกุชิม่า ราวๆ 5 ชั่วโมงหลังจากที่พยายามสูบน้ำทะเลเข้าไปหล่อเย็นแท่งพลังงานนิวเคลียร์
สำนักงานนิวเคลียร์และความปลอดภัยอุตสาหกรรม (NISA) รายงานว่า ระบบควบคุมความดันของเตาปฏิกรณ์ที่ 2 อาจได้รับความเสียหาย ทำให้ความดันภายในลดลง ระดับของสารกัมมันตรังสีขึ้นถึงระดับสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด โดยขึ้นไปถึง 965.5 ไมโครซีเวิร์ทต่อชั่วโมง และมีความกลัวว่าสารปนเปื้อนกัมมันตรังสีจะรั่วไหลออกมา
โฆษกของโตเกียวอิเลคทริคเพาเวอร์ (ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้า) กล่าวว่า มีการอพยพเจ้าหน้าที่บางคนออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตามยังมีเจ้าหน้าที่อีก 50 คน อยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าว
ทั้งนี้ เป็นการระเบิดครั้งที่ 3 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิม่า ท่ามกลางความหวาดกลัวการหลอมละลายของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายยูกิโอะ เอดาโน่ หัวหน้าเลขาคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่ามีการตรวจพบข้อบกพร่องบางส่วน ภายในคอนเทนเนอร์เตาปฏิกรณ์ที่ 2 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ฟุกุชิม่า เขากล่าวว่าเตาปฏิกรณ์ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพที่เสถียร อย่างไรก็ตาม สารกัมมันตรังสียังไม่มีการเพิ่มระดับขึ้นมาก เจ้าหน้าที่ทางการบอกว่าแรงดันภายในคอนเทนเนอร์ได้ลดลง และน้ำทะเลได้ถูกสูบเข้าไปหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
เพิ่มเติมข้อมูลจากทวิตเตอร์ @teerasay
การหลอมละลายของแกนปฏิกรณ์ แบ่งเป็น 6 ระดับ
Core Uncovery ระบบหล่อเย็นล้มเหลว แท่งเชื้อเพลิงเริ่มพ้นระดับน้ำ
Pre-damage heat up อุณหภูมิแกนกลางเริ่มสูงขึ้น ประมาณ 10 องศาเซลเซียสต่อนาที
Fuel ballooning and bursting อุณหภูมิแกนกลางประมาณ 900 องศาเซลเซียส โลหะเซอโคเนี่ยมที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิงเริ่มโป่งร้อน
Rapid oxidation อุณหภูมิประมาณ 1,300 องศาเซลเซียส โลหะเซอโคเนี่ยมที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิงเริ่มกร่อน ทำให้เกิดไฮโดรเจนจำนวนมาก
Debris bed formation อุรหภูมิประมาณ 1,500-1,900 องศาเซลเซียส โลหะเซอโคเนี่ยมที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิง และแกนปฏิกรณ์หลอมละลาย
Relocation to the lower plenum แกนปฏิกรณ์ที่หลอมละลาย อาจทะลุออกไปถูกน้ำที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง และทำให้เกิดการระเบิดของไอน้ำ
ถ้าสามารถป้องกันไม่ให้แกนปฏิกรณืที่หลอมละลายไปถูกน้ำได้ก็จะไม่เกิดการระเบิด
สำนักงานนิวเคลียร์และความปลอดภัยอุตสาหกรรม (NISA) รายงานว่า ระบบควบคุมความดันของเตาปฏิกรณ์ที่ 2 อาจได้รับความเสียหาย ทำให้ความดันภายในลดลง ระดับของสารกัมมันตรังสีขึ้นถึงระดับสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด โดยขึ้นไปถึง 965.5 ไมโครซีเวิร์ทต่อชั่วโมง และมีความกลัวว่าสารปนเปื้อนกัมมันตรังสีจะรั่วไหลออกมา
โฆษกของโตเกียวอิเลคทริคเพาเวอร์ (ผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้า) กล่าวว่า มีการอพยพเจ้าหน้าที่บางคนออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตามยังมีเจ้าหน้าที่อีก 50 คน อยู่ที่โรงไฟฟ้าดังกล่าว
ทั้งนี้ เป็นการระเบิดครั้งที่ 3 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิม่า ท่ามกลางความหวาดกลัวการหลอมละลายของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า นายยูกิโอะ เอดาโน่ หัวหน้าเลขาคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่ามีการตรวจพบข้อบกพร่องบางส่วน ภายในคอนเทนเนอร์เตาปฏิกรณ์ที่ 2 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ฟุกุชิม่า เขากล่าวว่าเตาปฏิกรณ์ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพที่เสถียร อย่างไรก็ตาม สารกัมมันตรังสียังไม่มีการเพิ่มระดับขึ้นมาก เจ้าหน้าที่ทางการบอกว่าแรงดันภายในคอนเทนเนอร์ได้ลดลง และน้ำทะเลได้ถูกสูบเข้าไปหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
เพิ่มเติมข้อมูลจากทวิตเตอร์ @teerasay
การหลอมละลายของแกนปฏิกรณ์ แบ่งเป็น 6 ระดับ
Core Uncovery ระบบหล่อเย็นล้มเหลว แท่งเชื้อเพลิงเริ่มพ้นระดับน้ำ
Pre-damage heat up อุณหภูมิแกนกลางเริ่มสูงขึ้น ประมาณ 10 องศาเซลเซียสต่อนาที
Fuel ballooning and bursting อุณหภูมิแกนกลางประมาณ 900 องศาเซลเซียส โลหะเซอโคเนี่ยมที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิงเริ่มโป่งร้อน
Rapid oxidation อุณหภูมิประมาณ 1,300 องศาเซลเซียส โลหะเซอโคเนี่ยมที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิงเริ่มกร่อน ทำให้เกิดไฮโดรเจนจำนวนมาก
Debris bed formation อุรหภูมิประมาณ 1,500-1,900 องศาเซลเซียส โลหะเซอโคเนี่ยมที่หุ้มแท่งเชื้อเพลิง และแกนปฏิกรณ์หลอมละลาย
Relocation to the lower plenum แกนปฏิกรณ์ที่หลอมละลาย อาจทะลุออกไปถูกน้ำที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง และทำให้เกิดการระเบิดของไอน้ำ
ถ้าสามารถป้องกันไม่ให้แกนปฏิกรณืที่หลอมละลายไปถูกน้ำได้ก็จะไม่เกิดการระเบิด
