นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเข้ารายงานผลการเข้าประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนวานนี้ (22 ก.พ.) ที่ประเทศอินโดนีเซียต่อนายกรัฐมนตรีด้วยวาจา ถึงมติของที่ประชุมและแนวทางการดำเนินการและการเตรียมพร้อมของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมในการต้อนรับคณะผู้สังเกตการณ์จากทางอินโดนีเซีย จำนวน 15 คน ซึ่งจะประกอบด้วย นายทหารและพลเรือนโดยไม่ติดอาวุธ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่อินโดนีเซียกำลังพิจารณารูปแบบของผู้สังเกตการณ์ โดยการที่มีผู้สังเกตการณ์เข้ามาจะเป็นผลดีของไทยในการป้องกันการปะทะ ซึ่งหากมีการปะทะก็จะทราบว่าใครเป็นผู้เริ่มก่อน โดยคาดว่า แนวทางของคณะผู้สังเกตการณ์คงเป็นแนวทางเดียวกับที่ไทยเคยมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์เข้าไปในจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย และติมอร์ตะวันออก
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชา กำลังประสานในเรื่องของการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือ เจบีซี ซึ่งในส่วนของ เจบีซีนั้น คงเลื่อนการประชุมจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ออกไป เพราะอาจจะต้องเลื่อนการจัดเวทีออกไปที่ประเทศอินโดนีเซีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำว่า ขณะนี้แนวทางการแก้ไขปัญหาของไทยและกัมพูชานั้นตรงกัน และอยากให้คิดว่าทั้งสองประเทศนั้นมีเจตนาที่ดีต่อกันและมุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดี โดยทั้งสองประเทศมีพันธกรณีที่ได้ตกลงกัน ต่อหน้ารัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชา กำลังประสานในเรื่องของการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาหรือ เจบีซี ซึ่งในส่วนของ เจบีซีนั้น คงเลื่อนการประชุมจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ออกไป เพราะอาจจะต้องเลื่อนการจัดเวทีออกไปที่ประเทศอินโดนีเซีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำว่า ขณะนี้แนวทางการแก้ไขปัญหาของไทยและกัมพูชานั้นตรงกัน และอยากให้คิดว่าทั้งสองประเทศนั้นมีเจตนาที่ดีต่อกันและมุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดี โดยทั้งสองประเทศมีพันธกรณีที่ได้ตกลงกัน ต่อหน้ารัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน