การลงนามตามสัญญาโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี อย่างเร่งรัดระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ทำให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เตรียมทำหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ร่วมตรวจสอบเชิงลึก เพราะส่อเค้าว่าอาจเกิดความไม่โปร่งใส และทำให้รัฐเกิดความเสียหาย เนื่องจากเป็นการทำสัญญาผูกขาดกับเอกชน นานถึง 14 ปี โดยไม่มีการเปิดประมูล
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการ สตง. ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้อาจจะผิดปกติ เพราะ กสทฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงาน จำนวน 18 คน เพื่อพิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขการทำธุรกิจกับทรู ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม และมีการประชุมเพียง 4 ครั้ง ซึ่งคณะทำงานมีความเห็นแย้งและทักท้วงไป เมื่อวันที่ 26 มกราคม แต่ผู้บริหาร กสทฯ ไม่นำไปพิจารณา และเร่งเซ็นสัญญาอย่างรวบรัด ในวันที่ 27 มกราคม และเป็นเหตุให้วันเดียวกันนั้น คณะกรรมการ จำนวน 14 คนลาออก ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เพื่อหาข้อเท็จจริง
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการ สตง. ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนี้อาจจะผิดปกติ เพราะ กสทฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงาน จำนวน 18 คน เพื่อพิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขการทำธุรกิจกับทรู ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม และมีการประชุมเพียง 4 ครั้ง ซึ่งคณะทำงานมีความเห็นแย้งและทักท้วงไป เมื่อวันที่ 26 มกราคม แต่ผู้บริหาร กสทฯ ไม่นำไปพิจารณา และเร่งเซ็นสัญญาอย่างรวบรัด ในวันที่ 27 มกราคม และเป็นเหตุให้วันเดียวกันนั้น คณะกรรมการ จำนวน 14 คนลาออก ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เพื่อหาข้อเท็จจริง