นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมไทยตลอดปี 2553 ที่ผ่านมา ยังขยายตัวได้ค่อนข้างดีตามเป้าหมาย แม้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหลายด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ค่าเงินบาท ตลอดจนผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวสูงสุดถึงร้อยละ 60 รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ปูนซีเมนต์ และสิ่งทอ ส่วนยอดส่งเสริมการลงทุนในปี 2553 ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ประมาณ 50,000 ล้านบาท เนื่องจากความไม่ชัดเจนเรื่องอุตสาหกรรมมาบตาพุด ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ ส่วนทิศทางและภาพรวมอุตสาหกรรมไทยในปี 2554 มองว่า ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 3.5 - 4.5 ซึ่งอุตสาหกรรมที่จะขยายตัวมากขึ้นในปีนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เนื่องจากมีการฟื้นฟูซ่อมแซมที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่คาดว่าจะมีการผลิตรถเพื่อจำหน่ายในประเทศไม่ต่ำกว่า 800,000 คัน อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอาหาร ที่เป็นผลจากราคาสินค้าอาหารโลกปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับเป้าหมายในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยในปี 2554 กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งเป้าดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติประมาณ 400,000 ล้านบาท ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป พลังงานทดแทน ชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมเร่งผลักดันนโยบายโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบด้วยการลดภาษีรถยนต์ประหยัดพลังงาน ส่งเสริมให้นักลงทุนไทยลงทุนในต่างประเทศ และเร่งสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาคธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น ตลอดจนมุ่งสร้างความเข้มแข็งและขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีไทย
สำหรับเป้าหมายในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยในปี 2554 กระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งเป้าดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติประมาณ 400,000 ล้านบาท ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป พลังงานทดแทน ชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมเร่งผลักดันนโยบายโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบด้วยการลดภาษีรถยนต์ประหยัดพลังงาน ส่งเสริมให้นักลงทุนไทยลงทุนในต่างประเทศ และเร่งสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาคธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น ตลอดจนมุ่งสร้างความเข้มแข็งและขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีไทย