น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็นประธานการประชุมสามัญประจำปี 2553 ของพรรคในวันนี้ (21 มี.ค.) โดยมีกรรมการบริหารพรรคสำคัญ อาทิ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคจากทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 1,000 คน
น.พ.วรรณรัตน์ แถลงภายหลังการประชุมว่า พรรคมีมติจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น"พรรครวมชาติพัฒนา" และเปลี่ยนตราประจำพรรคจากเดิมรูปหัวใจ มาเป็นรูปหัวช้างจรดปลายงวงช้าง ซึ่งมีความหมายถึงการรวมพลังคนทั้งชาติ เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน โดยจะเสนอต่อ กกต. พิจารณาอนุญาตใช้ตราประจำพรรคใหม่ ส่วนชื่อย่อ "รช." และนโยบายยังเหมือนเดิม การเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่ ไม่เกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งข่าวลือหนาหูการยุบสภา แต่พรรคเตรียมการมานานแล้ว
สำหรับสถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรงขณะนี้ ขอยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรครวมใจไทยฯ ยังเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประเทศให้เดินหน้า ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเป็นเอกภาพและมีเสถียรภาพ พร้อมที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
น.พ.วรรณรัตน์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาทางการเมืองว่า พรรคยังสนับสนุนแนวทางสันติวิธี โดยเฉพาะการเจรจาหาทางออกร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลควรเจรจาโดยตรงกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม แต่หากตกลงกันไม่ได้ ควรมีคนกลางเข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง จะทำให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่ดี ส่วนกระแสเรียกร้องให้ยุบสภานั้น คิดว่า ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของทางออกการเมืองในขณะนี้ เพราะควรจะมีการเจรจาตกลงกันก่อน หากมีความเห็นร่วมกันอย่างไร ค่อยว่ากันอีกที คิดว่าทางออกทางการเมืองมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
น.พ.วรรณรัตน์ แถลงภายหลังการประชุมว่า พรรคมีมติจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น"พรรครวมชาติพัฒนา" และเปลี่ยนตราประจำพรรคจากเดิมรูปหัวใจ มาเป็นรูปหัวช้างจรดปลายงวงช้าง ซึ่งมีความหมายถึงการรวมพลังคนทั้งชาติ เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน โดยจะเสนอต่อ กกต. พิจารณาอนุญาตใช้ตราประจำพรรคใหม่ ส่วนชื่อย่อ "รช." และนโยบายยังเหมือนเดิม การเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่ ไม่เกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งข่าวลือหนาหูการยุบสภา แต่พรรคเตรียมการมานานแล้ว
สำหรับสถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรงขณะนี้ ขอยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรครวมใจไทยฯ ยังเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประเทศให้เดินหน้า ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเป็นเอกภาพและมีเสถียรภาพ พร้อมที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
น.พ.วรรณรัตน์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาทางการเมืองว่า พรรคยังสนับสนุนแนวทางสันติวิธี โดยเฉพาะการเจรจาหาทางออกร่วมกัน ซึ่งรัฐบาลควรเจรจาโดยตรงกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม แต่หากตกลงกันไม่ได้ ควรมีคนกลางเข้ามาช่วยอีกทางหนึ่ง จะทำให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่ดี ส่วนกระแสเรียกร้องให้ยุบสภานั้น คิดว่า ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของทางออกการเมืองในขณะนี้ เพราะควรจะมีการเจรจาตกลงกันก่อน หากมีความเห็นร่วมกันอย่างไร ค่อยว่ากันอีกที คิดว่าทางออกทางการเมืองมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น