นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่าง 11-23 มีนาคม เพราะเป็นการป้องกันดีกว่าแก้ไขภายหลัง และการประกาศในครั้งนี้ ก็มีการระบุช่วงเวลาที่แน่นอน แต่ยอมรับว่า นักธุรกิจกังวลเรื่องมือที่ 3 ที่อาจสร้างสถานการณ์นอกเหนือการควบคุม และเกรงว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อ เพราะมีกระแสข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก และอาจมีการเข้ายึดสถานที่ราชการ ทำให้หวั่นว่า จะมีความรุนแรงเหมือนเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ซึ่งจะยิ่งกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ โดยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยประมาณ 14-15 ล้านคน และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนถึง 5,000 บาท ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังกังวลว่า หากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อจะเป็นปัจจัยลบให้ไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนาม เพราะหลังมีการเปิดการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศต่างๆ ภาษีของทุกประเทศก็จะเหลือร้อยละ 0 ดังนั้น นักธุรกิจอาจจะย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่น โดยเฉพาะเวียดนาม แม้ว่าไทยจะมีข้อดีในเรื่องสาธารณูปโภคและภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็มีปัจจัยลบที่กดดันคือ การเมือง
นอกจากนี้ ยังกังวลว่า หากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อจะเป็นปัจจัยลบให้ไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนาม เพราะหลังมีการเปิดการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศต่างๆ ภาษีของทุกประเทศก็จะเหลือร้อยละ 0 ดังนั้น นักธุรกิจอาจจะย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่น โดยเฉพาะเวียดนาม แม้ว่าไทยจะมีข้อดีในเรื่องสาธารณูปโภคและภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็มีปัจจัยลบที่กดดันคือ การเมือง
