นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง หรือ คตม. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเสนอให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ในระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.เนื่องจากข้อมูลด้านการข่าวพบว่า อาจจะมีการก่อเหตุความไม่สงบ ในระหว่างการชุมนุม และส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยในวันพรุ่งนี้จะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตั้งแต่วันที่ 11-23 มี.ค.ในกรุงเทพมหานคร และบางอำเภอในพื้นที่ปริมณฑล
ทั้งนี้ยอมรับว่า จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่มากกว่าการปฏิบัติงานทุกครั้ง โดยเป็นความร่วมมือจากตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร สมาชิก อปพร.และกรุงเทพมหานคร
ที่ประชุม คตม.ยังมีมติให้แนวทางการเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาชุมนุมที่กรุงเทพมหานครใช้รถสาธารณะ แต่หากนำรถยนต์ส่วนตัวมา ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมที่จอดรถไว้บริเวณชานเมือง เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร ซึ่งจะมีรถรับ-ส่งผู้ชุมนุม ที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม
นอกจากนี้ยังห่ววงการวินาศกรรม และการปิดล้อมสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ จึงต้องเน้นมาตรการความปลอดภัยเป็นพิเศษ
ส่วนในช่วงการชุมนุม จะมีการประกาศเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ คงต้องขึ้นกับการประเมินสถานการณ์ และยังกำชับไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้ไปชี้แจงสถาบันการศึกษา ในเรื่องของการปลุกระดม และการส่งข้อมูลผ่านระบบ SMS รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงกับทูตต่างประเทศ ให้เข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ยอมรับว่า จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่มากกว่าการปฏิบัติงานทุกครั้ง โดยเป็นความร่วมมือจากตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร สมาชิก อปพร.และกรุงเทพมหานคร
ที่ประชุม คตม.ยังมีมติให้แนวทางการเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาชุมนุมที่กรุงเทพมหานครใช้รถสาธารณะ แต่หากนำรถยนต์ส่วนตัวมา ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมที่จอดรถไว้บริเวณชานเมือง เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร ซึ่งจะมีรถรับ-ส่งผู้ชุมนุม ที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม
นอกจากนี้ยังห่ววงการวินาศกรรม และการปิดล้อมสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ จึงต้องเน้นมาตรการความปลอดภัยเป็นพิเศษ
ส่วนในช่วงการชุมนุม จะมีการประกาศเป็นวันหยุดราชการหรือไม่ คงต้องขึ้นกับการประเมินสถานการณ์ และยังกำชับไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้ไปชี้แจงสถาบันการศึกษา ในเรื่องของการปลุกระดม และการส่งข้อมูลผ่านระบบ SMS รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงกับทูตต่างประเทศ ให้เข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทยด้วย