ประธานศาลฎีการับทราบรายงานเหตุวางบึ้มในรั้วศาล กำชับ รปภ.คุมเข้มแต่ยังไม่ต้องขอกำลังตำรวจเสริม เลขาฯ ศาลฎีกาไม่ฟันธงคนร้ายหวังข่มขู่องค์คณะคดียึดทรัพย์แม้ว ยันผู้พิพากษาไม่หวั่นไหว ศาลยุติธรรมดำรงอยู่กว่า 100 ปี ไม่ย้ายที่อ่านคำพิพากษาแน่นอน
วันนี้ (14 ก.พ.) นายเชวง ชูศิริ เลขานุการศาลฎีกา กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลักลอบนำระเบิดซีโฟร์ใส่กล่องน้ำผลไม้มาวางภายในรั้วศาลฎีกาว่า เบื้องต้นตนได้รายงานให้นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา และนายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมทราบแล้ว ซึ่งประธานศาลฎีกาได้มอบหมายและเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลฎีกาดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณมาตลอดเวลาโดยถือว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของศาลได้ผล เพราะ รปภ.ที่เดินตรวจตราบริเวณเป็นผู้ตรวจพบวัตถุระเบิดและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ โดยหลังเกิดเหตุคงไม่ต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล ส่วนในวันที่ 15 ก.พ.ที่ศาลฎีกาจะเป็นวันเปิดทำการ คงไม่มีความจำเป็นถึงกับต้องแจ้งให้ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ธุรการศาลระมัดระวังตัว เพราะศาลฎีกาก็มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีอยู่แล้ว และต้องรอดูว่าสำนักงานศาลยุติธรรม จะมีมาตรการใดมาสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยของศาลฎีกาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินสาเหตุการวางระเบิดครั้งนี้ว่าเป็นการข่มขู่องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดตัดสินในวันที่ 26 ก.พ.นี้ หรือไม่ นายเชวงกล่าวว่า ไม่ได้มีการและประเมินและยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร แต่จุดที่คนร้ายวางระเบิดอยู่ห่างจากไกลจากอาคารและผู้คนอีกทั้งเป็นวันหยุด ต้องรอรายละเอียดจากพนักงานสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งศาลฎีกาคงไม่แถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเพราะตอนนี้ผู้สื่อข่าวน่าจะทราบหมดแล้ว หากจะมีการชี้แจ้งเป็นอำนาจของสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะดำเนินการ
ด้าน นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และจะมีการหารือเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยศาลฎีกา และองค์คณะผู้พิพากษากันอีกครั้ง
ส่วนอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุที่เกิดขึ้นเพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ และคงไม่สามารถตอบแทนองค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ได้ว่ารู้สึกหวั่นไหวหรือไม่ เพราะไม่ใช่องค์คณะ
แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลฎีกาว่า ศาลได้จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ( รปภ.) จำนวนหนึ่งเฝ้ารักษาการณ์ทางเข้าออก ซึ่งช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ก็มี รปภ.ประจำตามจุดเหมือนวันและเวลาราชการ อย่างไรก็ดีหลังจากเกิดเหตุพบการวางระเบิดบริเวณรั้วศาลฎีกาตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น หลังจากนี้คงจะมีการจัดระบบมาตรการความปลอดภัยที่เข้มขึ้น
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ที่มีการประชุมร่วมกับฝ่ายตำรวจนครบาลจัดระบบรักษาความปลอดภัย ช่วงที่จะมีการพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น แหล่งข่าวผู้พิพากษากล่าวว่า แม้มีการประชุมแต่ยังไม่ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเสริมกำลัง รปภ. ที่ศาลจัดไว้เองในช่วงนี้จนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา โดยการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัยบริเวณศาลนั้นจะเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีวันที่ 26 ก.พ.นี้
ซักต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ผู้พิพากษาเกิดความหวาดกลัวและหวั่นไหวจนต้องมีการย้ายสถานที่อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์หรือไม่ แหล่งข่าวผู้พิพากษากล่าวว่า ถ้าจะพูดว่าไม่หวั่นไหวก็ดูเหมือนผู้พิพากษาจะประมาท แต่ถ้าพูดว่าหวั่นไหวก็จะกลายเป็นว่าผู้พิพากษากลัว อย่างไรก็ดี อยากให้เข้าใจว่าศาลยุติธรรมเราดำรงอยู่มากว่า 100 ปี ทำหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆ ด้วยความมั่นคง เที่ยงธรรมมาโดยตลอด ดังนั้น ถ้าจะพูดว่ากลัวต้องย้ายสถานที่คงไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากที่ศาลฎีกาจะมีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษแล้ว ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ถ.รัชดาภิเษก จากเดิมที่จะเปิดประตูบริเวณศาลอาญาให้รถเข้าออกได้ในช่วงวันหยุด ในวันนี้ปรากฏว่าประตูทั้งหมดถูกปิด รถที่จะเข้าไปภายในบริเวณศาลต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด และมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ รปภ.ตระเวนตรวจตราโดยรอบบริเวณเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด