นายวราวุธ ขันติยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวถึงแผนการทำฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งว่า หลังจากที่ได้เพิ่มศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 4 และวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ในวันที่ 10 มีนาคมนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงอีก 3 แห่งที่จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี และ ขอนแก่น และวันที่ 15 มีนาคมจะตั้งศูนย์ฯ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติการทันที อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญคือจะต้องให้ความชื้นในอากาศถึงเกณฑ์ที่กำหนดจึงจะสามารถปฏิบัติการได้ ส่วนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ประสบกับภาวะภัยแล้งรุนแรงนั้น คาดว่า 3-4 วันจะมีความชื้นเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมา ส่งผลให้มีการยกตัวของอากาศและมีการวมตัวของความชื้น เหมาะสำหรับการปฏิบัติการ ส่วนกรณีช่วงนี้อาจเกิดพายุฤดูร้อนนั้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อปฏิบัติการทำฝนหลวง เนื่องจากจะทำให้อากาศมีความชื้นเพียงพอ
ทั้งนี้ ปฏิบัติการฝนหลวงจะดำเนินการไปจนถึงช่วงเดือนตุลาคมอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ โดยในช่วงนี้จะเป็นการบรรเทาภาวะภัยแล้งทั่วประเทศ และช่วงฤดูฝนเป็นการระดมน้ำเพื่อให้มีเพียงพอกักเก็บไว้ใช้ในอนาคต พร้อมกันนี้ ผู้อำนวยการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ยืนยันว่า พร้อมเต็มที่สำหรับในการปฏิบัติการ และจะเร่งดำเนินการเนื่องจากเป็นความหวังของทุกฝ่ายเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง แต่ต้องการให้ประชาชนและเกษตรกรใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดควบคู่กันไปด้วย
ทั้งนี้ ปฏิบัติการฝนหลวงจะดำเนินการไปจนถึงช่วงเดือนตุลาคมอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ โดยในช่วงนี้จะเป็นการบรรเทาภาวะภัยแล้งทั่วประเทศ และช่วงฤดูฝนเป็นการระดมน้ำเพื่อให้มีเพียงพอกักเก็บไว้ใช้ในอนาคต พร้อมกันนี้ ผู้อำนวยการสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ยืนยันว่า พร้อมเต็มที่สำหรับในการปฏิบัติการ และจะเร่งดำเนินการเนื่องจากเป็นความหวังของทุกฝ่ายเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง แต่ต้องการให้ประชาชนและเกษตรกรใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดควบคู่กันไปด้วย
