นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน หลายพื้นที่อาจร้อนจัดและประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งจะเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะแบคทีเรียอย่างมาก ยิ่งพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาด ยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ จึงได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ออกประกาศเตือนประชาชนระวังโรคที่เกิดในฤดูร้อน 6 โรค ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ บิด ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค และโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ โรงพยาบาลทุกแห่ง ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หากมีรายงานผู้ป่วย ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วออกสอบสวนควบคุมโรคทันที รวมทั้งให้ดูแลปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม สุขาภิบาลอาหาร และจัดหาน้ำสะอาด โดยเน้นการล้างตลาดทุก 2 สัปดาห์ ใส่คลอรีนในแหล่งน้ำดื่มให้ได้มาตรฐาน และเร่งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ แจ้งเตือนประชาชนทั่วประเทศพร้อมคำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัว เพื่อลดจำนวนผู้เจ็บป่วยลงให้ได้มากที่สุด
ด้าน นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคติดต่อสำคัญที่เกิดในฤดูร้อนประกอบด้วย โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ 5 โรค ได้แก่ อุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ โรคบิด อหิวาตกโรค และไข้ไทฟอยด์ ในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 28 กุมภาพันธ์ 2553 พบผู้ป่วยรวม 200,576 ราย เสียชีวิต 14 ราย ที่พบมากที่สุด ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง 183,339 ราย เสียชีวิต 12 ราย รองลงมาคืออาหารเป็นพิษ 14,897 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนโรคพิษสุนัขบ้าซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ในปี 2553 มีรายงานผู้เสียชีวิต 7 ราย ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการถูกสุนัขมีเจ้าของที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกัด และไม่ได้ไปหาหมอ คนที่ถูกสุนัขกัดส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 1-10 ปี โรคนี้ติดต่อจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่มีแผลรอยข่วน หรือน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อเข้าตา ปาก จมูก สัตว์นำโรคที่พบมากสุดคือ สุนัข รองลงมาเป็นแมว และอาจพบในสัตว์เลี้ยงอื่น เช่น หมู ม้า วัว ควาย และสัตว์ป่า เช่น ลิง ชะนี กระรอก กระแต เป็นต้น