การประชุมรัฐมนตรีพลังงานของกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคอ่าวเบงกอล หรือ BIMSTEC (บิมสเทค) ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย พม่า เนปาล ศรีลังกา และไทย เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมดุสิตธานี โดยมี น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทย เป็นประธานการประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์พลังงาน BIMSTEC เพื่อเป็นประโยชน์ในด้านการเชื่อมโยงและเข้าถึงข้อมูลพลังงาน ที่จะจัดตั้งในประเทศอินเดีย พร้อมกันนี้ ยังมีการผลักดันให้ไทยเป็นซีอีโอของศูนย์พลังงานดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้ประเทศสมาชิกเน้นการใช้พลังงานทดแทน ประกอบกับ ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเชื้อเพลิงชีวภาพ ที่สำคัญไทยมีการปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มากกว่าร้อยละ 60 โดยในวันนี้ระดับรัฐมนตรีพลังงานจะมีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านวิชาการ ความร่วมมือเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้า ซึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่างกรอบความร่วมมือด้านสายส่งไฟฟ้าภายในกลุ่ม บิมสเทค เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเสนอรัฐมนตรีพลังงานในภูมิภาคอ่าวเบงกอลพิจารณาเห็นชอบต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ย้ำว่า หากความร่วมมือในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะทำให้ประเทศไทยสามารถนำมาวางแผนสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงข่ายพลังงาน ในการเชื่อมโยงแหล่งพลังงานชนิดต่าง ๆ ร่วมกับประเทศในเอเชียกลางและเอเชียใต้ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ และการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกบิมสเทค ด้านของการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานสะอาด และการพัฒนาพลังงานทดแทน ที่สำคัญเพื่อเป็นการผลักดันให้ไทยมีโอกาสในการร่วมมือให้ความช่วยเหลือ หรือลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกันได้มากขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์พลังงาน BIMSTEC เพื่อเป็นประโยชน์ในด้านการเชื่อมโยงและเข้าถึงข้อมูลพลังงาน ที่จะจัดตั้งในประเทศอินเดีย พร้อมกันนี้ ยังมีการผลักดันให้ไทยเป็นซีอีโอของศูนย์พลังงานดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้ประเทศสมาชิกเน้นการใช้พลังงานทดแทน ประกอบกับ ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเชื้อเพลิงชีวภาพ ที่สำคัญไทยมีการปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มากกว่าร้อยละ 60 โดยในวันนี้ระดับรัฐมนตรีพลังงานจะมีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านวิชาการ ความร่วมมือเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้า ซึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่างกรอบความร่วมมือด้านสายส่งไฟฟ้าภายในกลุ่ม บิมสเทค เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเสนอรัฐมนตรีพลังงานในภูมิภาคอ่าวเบงกอลพิจารณาเห็นชอบต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ย้ำว่า หากความร่วมมือในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะทำให้ประเทศไทยสามารถนำมาวางแผนสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงข่ายพลังงาน ในการเชื่อมโยงแหล่งพลังงานชนิดต่าง ๆ ร่วมกับประเทศในเอเชียกลางและเอเชียใต้ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ และการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกบิมสเทค ด้านของการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานสะอาด และการพัฒนาพลังงานทดแทน ที่สำคัญเพื่อเป็นการผลักดันให้ไทยมีโอกาสในการร่วมมือให้ความช่วยเหลือ หรือลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกันได้มากขึ้น