นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาล ในเดือนมกราคา ปี 2553 ว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ กว่า 110,000 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 17,800 ล้านบาท เป็นผลจากการบริโภคและการนำเข้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีน้ำมัน และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สูงสุดเป็น 3 อันดับแรกตามลำดับ แม้ว่าการจัดเก็บอากรขาเข้าในเดือนมกราคมจะลดลง จากที่จัดเก็บได้ในช่วง 3 เดือนแรก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีต่างๆ เช่น เขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา ที่ลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับสินค้านำเข้าจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา แต่เมื่อรวมการจัดเก็บรายได้ช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 ปรากฏว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ รวมกว่า 458,900 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 85,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.8 ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ที่จัดเก็บภาษีรวมกันได้สูงกว่าประมาณการ ถึง 81,136 ล้านบาท สะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและชัดเจน
ผู้อำนวยการ สศค. มั่นใจว่า ในปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการถึง 172,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 1,350,000 ล้านบาท เป็น1,522,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน
ผู้อำนวยการ สศค. มั่นใจว่า ในปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการถึง 172,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่ 1,350,000 ล้านบาท เป็น1,522,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน