พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบยิงระเบิด M79 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนคร และลอบวางระเบิดข้างศาลฎีกา ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าทั้งสองเหตุการณ์จะเป็นฝีมือคนกลุ่มเดียวกันหรือไม่ โดยตั้งข้อสังเกตว่าระยะเวลาเกิดเหตุใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งชุดสืบสวนและสอบสวนขึ้นมา 2 ชุด โดยให้รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นหัวหน้าทีม เพื่อเร่งคลี่คลายคดีหลังสอบปากคำพยานไปแล้วรวม 9 ปาก พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบกล้องวงจรโดยรอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสและบุคคลต้องสงสัย คาดว่าไม่เกิน 1-2 วันนี้น่าจะรู้กลุ่มผู้ลงมือและสาเหตุจูงใจ
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยได้สั่งเพิ่มความเข้มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยเน้นช่วงเวลา 19.00-06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เป็นพิเศษ โดยมีการเพิ่มกำลังสายตรวจชุดปะฉะดะ ตระเวนตรวจทุกพื้นที่นครบาล 1 อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน เสริมตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 80 นาย ซุ่มตามจุดเสี่ยง ส่วนชุดปราบจลาจลจะเข้าประจำการตามสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญทางการเมือง
ส่วนบรรยากาศที่ศาลฎีกา มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่คุมเข้มรักษาความปลอดภัยทั่วพื้นที่ผลัดละ 35 คน จากเดิม 29 คน และให้เดินตรวจสอบบริเวณสำคัญทุก 30 นาที จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประจำประตูทางเข้า-ออกทั้งหมด 5 ประตู ประตูละ 4 นาย พร้อมทั้งตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 อีก 1 นาย เน้นตรวจสอบวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัยในรถที่ผ่านเข้า-ออกศาล สำหรับด้านประตูหลัง ฝั่งที่ติดกับคลองหลอด อนุญาตให้รถผ่านเข้าได้อย่างเดียว และให้ไปออกที่ประตูหน้าแทน
ทั้งนี้ ในวันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์นี้ ศาลฎีกาจะขอกำลังตำรวจและทหารมาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยและเสริมกำลัง รปภ.ของศาล ด้วยการให้ผลัดกลางคืนมาทำงานเสริมผลัดกลางวัน
อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งชุดสืบสวนและสอบสวนขึ้นมา 2 ชุด โดยให้รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นหัวหน้าทีม เพื่อเร่งคลี่คลายคดีหลังสอบปากคำพยานไปแล้วรวม 9 ปาก พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบกล้องวงจรโดยรอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสและบุคคลต้องสงสัย คาดว่าไม่เกิน 1-2 วันนี้น่าจะรู้กลุ่มผู้ลงมือและสาเหตุจูงใจ
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยได้สั่งเพิ่มความเข้มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยเน้นช่วงเวลา 19.00-06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เป็นพิเศษ โดยมีการเพิ่มกำลังสายตรวจชุดปะฉะดะ ตระเวนตรวจทุกพื้นที่นครบาล 1 อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน เสริมตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 80 นาย ซุ่มตามจุดเสี่ยง ส่วนชุดปราบจลาจลจะเข้าประจำการตามสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญทางการเมือง
ส่วนบรรยากาศที่ศาลฎีกา มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่คุมเข้มรักษาความปลอดภัยทั่วพื้นที่ผลัดละ 35 คน จากเดิม 29 คน และให้เดินตรวจสอบบริเวณสำคัญทุก 30 นาที จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประจำประตูทางเข้า-ออกทั้งหมด 5 ประตู ประตูละ 4 นาย พร้อมทั้งตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 อีก 1 นาย เน้นตรวจสอบวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัยในรถที่ผ่านเข้า-ออกศาล สำหรับด้านประตูหลัง ฝั่งที่ติดกับคลองหลอด อนุญาตให้รถผ่านเข้าได้อย่างเดียว และให้ไปออกที่ประตูหน้าแทน
ทั้งนี้ ในวันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์นี้ ศาลฎีกาจะขอกำลังตำรวจและทหารมาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยและเสริมกำลัง รปภ.ของศาล ด้วยการให้ผลัดกลางคืนมาทำงานเสริมผลัดกลางวัน
