นายบุญสนอง สุชาติพงษ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวถึงปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง พบว่ามีอยู่ประมาณ 49,600 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 67 ของปริมาณน้ำทั้งหมด โดยปริมาณน้ำที่มียังเพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงภาพการเกษตร อย่างไรก็ตามมีความกังวลเรื่องปริมาณน้ำในอนาคต เนื่องจากปีนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำน้อยกว่าปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า มีการปลูกพืชหน้าแล้งมากกว่าพื้นที่ที่จัดสรรไว้ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งถ้าหากเกษตรกรทำนาปรังครั้งที่ 2 กรมชลประทานต้องนำน้ำที่กักเก็บไว้ใช้สำหรับปีหน้าจำนวน 17,000 ล้านลูกบาศก์เมตรมาใช้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในอนาคต โดยเฉพาะในฤดูนาปี
โฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า ทั้งนี้กรมชลประทานขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด และขอร้องให้เกษตรกรงดทำนาปรังครั้งที่2 เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง พร้อมกันนี้ กรมชลประทานได้เตรียมเครื่องสูบน้ำจำนวน 1,200 เครื่อง และรถยนต์บรรทุกน้ำจำนวน 295 คัน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมให้การช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอ โดยที่ขณะนี้ได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือใน 34 จังหวัด จำนวน 536 เครื่องแล้ว
โฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า ทั้งนี้กรมชลประทานขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด และขอร้องให้เกษตรกรงดทำนาปรังครั้งที่2 เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง พร้อมกันนี้ กรมชลประทานได้เตรียมเครื่องสูบน้ำจำนวน 1,200 เครื่อง และรถยนต์บรรทุกน้ำจำนวน 295 คัน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ พร้อมให้การช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอ โดยที่ขณะนี้ได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือใน 34 จังหวัด จำนวน 536 เครื่องแล้ว