วันนี้ (1 ก.พ.) เวลา 17.53 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในโอกาสนี้ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ประจำสำนักงานประธานศาลฎีกา นายวรวุฒิ ทวาทศิน เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่
"ศาลฎีกามีความสำคัญมาก เพราะว่า ถ้าปฏิบัติก็เท่ากับเป็นตัวอย่างในการตุลาการของประเทศ สำหรับศาลทุกขั้น ตั้งแต่ศาลท้องที่ จนกระทั่งศาลสูงสุด คือ ศาลฎีกา ฉะนั้น การที่ท่านต้องปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในทางที่ดีที่สุด ก็หมายความให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง กล่าวคือ การปฏิบัติถูกต้องตามหน้าที่ของท่านในการฐานะผู้พิพากษา ก็ต้องมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อย่างเข้มแข็งและอันนี้มิใช่เฉพาะในโรงศาล แต่ในทางทั่วไป หมายความว่าทุกเมื่อ เมื่อคนเขาเห็นว่านี่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สำหรับความยุติธรรม ความเป็นบุคคลของประเทศ ที่ถือว่าเป็นผู้รักษาความเรียบร้อยของประเทศ ฉะนั้น ท่านก็ต้องรักษาความเคร่งครัดของมานะนี้ต่อไปไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของศาลแต่ทุกเมื่อ เมื่อคนเขาเห็นว่านี่คือผู้พิพากษาศาลฎีกาของประเทศ แม้จะไม่ได้แต่งเครื่องแบบของศาล คนจะจำได้ว่านี่คือผู้พิพากษาที่ประศาสน์ความยุติธรรมแก่ประชาชนทุกเหล่า ทุกเมื่อ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าถ้าเขาจำได้ว่านี่คือผู้พิพากษาที่ต้องรักษาความยุติธรรมของประเทศ เขาก็ พวกที่หวังพึ่งความยุติธรรมของท่านก็จะต้องเห็นความยุติธรรม ความศักดิ์สิทธิ์ของศาล หมายความว่า มีความหวังว่าในประเทศมีความยุติธรรม ในประเทศมีผู้ที่รักษาความยุติธรรม ฉะนั้นท่านจะต้องรักษาความยุติธรรมนี้ทุกเมื่อ ในหน้าที่และนอกหน้าที่ จนกระทั่งชีวิตจะหาไม่ เพราะว่าคนเขานับถือศาลซึ่งเป็นของที่ดีของประเทศที่เมืองไทยมีศาล แล้วคนหวังในความยุติธรรม ถ้าเขารู้ว่ามีความยุติธรรมในประเทศ จะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี แต่เขาก็จะต้องรู้ว่ามีความหวังกัน หวังประเทศว่ามีความยุติธรรม ฉะนั้นท่านต้องเป็นผู้รักษาความยุติธรรม ธรรมะที่เป็นของดีทุกเมื่อ ประเทศชาติก็จะมีความหวังที่จะมีความเรียบร้อย แม้แต่โจรผู้ร้ายก็หวังความยุติธรรม ผู้ที่มีจิตใจที่ไม่ทำอะไรที่เรียบร้อย ที่ดี เขาจะทำดีขึ้น ดีกว่าที่จะไม่มีเครื่องหมายของความยุติธรรม ท่านทั้งหลายมีความสำคัญมาก เพราะว่าแต่ละคนเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม เป็นเครื่องหมายของความดี เป็นความหมายของความเรียบร้อยของประเทศชาติ ไม่น่าจะเชื่อได้ว่าแต่ละคนมีความสำคัญ แต่ละคนที่เป็นผู้พิพากษามีความสำคัญมากสำหรับความเรียบร้อย ความหวังของประเทศ ความหวังของคนทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นคนดีบ้างคนไม่ดีบ้าง คือคนไม่ดีก็มี แต่ยังไงเขาก็เวลาเห็นผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะไม่ใช่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เขามีความหวังทำให้คนเป็นคนดีมากขึ้น
ถ้าประเทศชาติมีคนดี ประเทศก็หวังได้ว่ามีความสงบ มีความสุขในประเทศได้ ฉะนั้นท่านเป็นประกันของความสงบ ความสุข ความเรียบร้อยของประเทศ เท่ากับเป็นผู้ที่รักษาความยุติธรรม และเมื่อรักษาความยุติธรรมไว้ก็เป็นคนที่รักษาความสงบสุขของประเทศ ฉะนั้นต้องขอให้สำนึกว่าแต่ละคนมีความสำคัญมากต่อประเทศชาติ ต่อส่วนรวม เพราะว่าเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม ท่านก็ทบทวนแล้ว ท่านก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย และปฏิบัติกฎหมายสูงสุด ทุกคนมีความหวังในผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติความยุติธรรม เมื่อท่านนั่งบัลลังก์ของศาลฎีกาหรือมีชื่อในสารระบบว่าท่านเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ตราบใดที่ท่านเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรมก็เชื่อว่าช่วยให้ประเทศชาติมีความเรียบร้อย มีความสงบสุขได้ ก็หมายความว่าคนก็จะอยู่มีความสงบ มีความยุติธรรมอยู่ในตัวไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรมในประเทศทำให้ประเทศชาติไปรอดได้ดี ก็หมายความว่าท่านเป็นเครื่องหมาย ด้วยการปฏิบัติของท่าน ถ้าท่านทำดีเราเชื่อว่าท่านต้องรู้ว่าต้องทำดี ถ้าท่านทำดีแล้ว เป็นคนๆ คนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศไปรอด ทุกคนก็อยากให้ประเทศชาติไปรอด ก็อย่างที่ว่า แม้โจรผู้ร้ายเขาก็รู้สึกว่า แต่ละคนอาจจะไม่รู้จะทำยังไง แต่เขาก็ต้องการความสงบสุข ถ้าท่านทำให้คนทั่วประเทศมีความหวังในความสงบ ความสุข ความยุติธรรม ประเทศชาติก็ไปได้ดี แต่ละท่านก็มีความหวัง ความแน่นอนว่ามีความพอใจที่ได้ปฏิบัติเพื่อช่วยส่วนรวม
ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติความดีของผู้พิพากษาศาลฎีกา อันมีเกียรติอย่างยิ่งสำหรับประเทศ ก็ขอให้ท่านมีกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาศาลฎีกา ตลอดต่อไป ตลอดชีวิต แม้จะ เมื่อไหร่ที่ท่านจะหมดหน้าที่ ก็หมายความว่า ท่านอาจจะถึงเวลาท่านหมดหน้าที่ท่านก็ยังคงรักษาความดีนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ฉะนั้นถ้าท่านรักษาความดีของผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านมีเกียรติ ท่านทำหน้าที่อย่างเหนียวแน่นจริงๆ ก็ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายตลอด เพื่อที่สามารถปฏิบัติงานผู้พิพากษาศาลฎีกาด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความเหนียวแน่นที่สุด ไม่มีท้อใจ เหนียวแน่นจริงๆ จนกระทั่งหมดแรง ถ้าท่านทำได้ดีอย่างนี้ท่านก็มีเกียรติมาก ท่านก็จะเป็นผู้ที่ช่วยประเทศให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ที่จะมีได้ แล้วท่านเองจะได้รับผลประโยชน์ของความตัดสินใจเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาของประเทศ ใช้วิชาเต็มที่เพื่อความเรียบร้อยของประเทศชาติในทุกทาง ก็ขอให้ท่านสามารถที่จะรักษาความดีของผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งกฎหมาย ทั้งความยุติธรรม ตลอดชีวิต รักษาความดีของผู้พิพากษาอย่างเหนียวแน่น ท่านก็จะได้ทำตามที่ท่านปฏิญาณ ถ้าทำได้ท่านก็เป็นคนที่มีคุณภาพสมที่ได้ปฏิญาณตนว่าจะทำหน้าที่สำคัญนี้ให้ตลอดไป ก็ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกาย กำลังปัญญา อดทนเพื่อจะปฏิบัติงานของผู้พิพากษาศาลฎีกาตลอดชีวิต ท่านก็จะได้เป็นคนที่มีคุณภาพ ท่านจะเป็นคนที่ได้ทำตามที่ได้ปฏิญาณตน ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณอย่างเหนียวแน่น เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ยึดประโยชน์ต่อส่วนรวมนี้ ให้ทำทุกอย่างที่มีอยู่ในใจ เมื่อเปร่งคำปฏิญาณ ไม่ทราบว่าในใจของท่าน มีอะไรอยู่ในใจเมื่อเปร่ง แต่ว่า ก็หวังว่า เป็นความดี ความ... เรียกว่า ความตั้งใจที่จะให้ส่วนรวม อันเรียกว่าประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุข มีความเหนียวแน่น มีความเข้มแข็งเต็มที่ ถ้าทำได้แล้ว ท่านได้ช่วยคนจำนวนมาก ให้มีความหวังในชีวิต และถ้าทำได้ ท่านมีบุญที่ได้มีโอกาสได้ช่วยคนจำนวนมากให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยครบถ้วน ชั่วกาลนาน จนกระทั่งชีวิตจะหาไม่
เพราะฉะนั้น ที่ท่านมาปฏิญาณตนไม่ใช่สิ่งที่กลวงๆ เป็นสิ่งที่สำคัญของประเทศชาติ แต่ละคนคือหน่วยของประเทศ แต่นั่นได้ช่วยคนเป็นจำนวนหลายสิบล้าน ฉะนั้นก็ขอให้ท่านรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของการปฏิญาณเป็นผู้พิพากษาของศาลฎีกา ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในงานการนี้ โดยเหนียวแน่นจนกระทั่งชีวิตจะหาไม่ ก็ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการ ที่ได้ตั้งใจไว้ ที่จะทำดีกับส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะทำ ก็ขอให้ท่านสำเร็จตามที่ได้เปร่งวาจา ก็ขอให้มีความสำเร็จและมีความสุขในงานการ ให้มีความสุขที่จะช่วยคนส่วนมากอยู่เย็นเป็นสุขได้ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ"
ในโอกาสนี้ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ประจำสำนักงานประธานศาลฎีกา นายวรวุฒิ ทวาทศิน เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่
"ศาลฎีกามีความสำคัญมาก เพราะว่า ถ้าปฏิบัติก็เท่ากับเป็นตัวอย่างในการตุลาการของประเทศ สำหรับศาลทุกขั้น ตั้งแต่ศาลท้องที่ จนกระทั่งศาลสูงสุด คือ ศาลฎีกา ฉะนั้น การที่ท่านต้องปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในทางที่ดีที่สุด ก็หมายความให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง กล่าวคือ การปฏิบัติถูกต้องตามหน้าที่ของท่านในการฐานะผู้พิพากษา ก็ต้องมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อย่างเข้มแข็งและอันนี้มิใช่เฉพาะในโรงศาล แต่ในทางทั่วไป หมายความว่าทุกเมื่อ เมื่อคนเขาเห็นว่านี่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สำหรับความยุติธรรม ความเป็นบุคคลของประเทศ ที่ถือว่าเป็นผู้รักษาความเรียบร้อยของประเทศ ฉะนั้น ท่านก็ต้องรักษาความเคร่งครัดของมานะนี้ต่อไปไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของศาลแต่ทุกเมื่อ เมื่อคนเขาเห็นว่านี่คือผู้พิพากษาศาลฎีกาของประเทศ แม้จะไม่ได้แต่งเครื่องแบบของศาล คนจะจำได้ว่านี่คือผู้พิพากษาที่ประศาสน์ความยุติธรรมแก่ประชาชนทุกเหล่า ทุกเมื่อ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าถ้าเขาจำได้ว่านี่คือผู้พิพากษาที่ต้องรักษาความยุติธรรมของประเทศ เขาก็ พวกที่หวังพึ่งความยุติธรรมของท่านก็จะต้องเห็นความยุติธรรม ความศักดิ์สิทธิ์ของศาล หมายความว่า มีความหวังว่าในประเทศมีความยุติธรรม ในประเทศมีผู้ที่รักษาความยุติธรรม ฉะนั้นท่านจะต้องรักษาความยุติธรรมนี้ทุกเมื่อ ในหน้าที่และนอกหน้าที่ จนกระทั่งชีวิตจะหาไม่ เพราะว่าคนเขานับถือศาลซึ่งเป็นของที่ดีของประเทศที่เมืองไทยมีศาล แล้วคนหวังในความยุติธรรม ถ้าเขารู้ว่ามีความยุติธรรมในประเทศ จะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี แต่เขาก็จะต้องรู้ว่ามีความหวังกัน หวังประเทศว่ามีความยุติธรรม ฉะนั้นท่านต้องเป็นผู้รักษาความยุติธรรม ธรรมะที่เป็นของดีทุกเมื่อ ประเทศชาติก็จะมีความหวังที่จะมีความเรียบร้อย แม้แต่โจรผู้ร้ายก็หวังความยุติธรรม ผู้ที่มีจิตใจที่ไม่ทำอะไรที่เรียบร้อย ที่ดี เขาจะทำดีขึ้น ดีกว่าที่จะไม่มีเครื่องหมายของความยุติธรรม ท่านทั้งหลายมีความสำคัญมาก เพราะว่าแต่ละคนเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม เป็นเครื่องหมายของความดี เป็นความหมายของความเรียบร้อยของประเทศชาติ ไม่น่าจะเชื่อได้ว่าแต่ละคนมีความสำคัญ แต่ละคนที่เป็นผู้พิพากษามีความสำคัญมากสำหรับความเรียบร้อย ความหวังของประเทศ ความหวังของคนทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นคนดีบ้างคนไม่ดีบ้าง คือคนไม่ดีก็มี แต่ยังไงเขาก็เวลาเห็นผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะไม่ใช่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เขามีความหวังทำให้คนเป็นคนดีมากขึ้น
ถ้าประเทศชาติมีคนดี ประเทศก็หวังได้ว่ามีความสงบ มีความสุขในประเทศได้ ฉะนั้นท่านเป็นประกันของความสงบ ความสุข ความเรียบร้อยของประเทศ เท่ากับเป็นผู้ที่รักษาความยุติธรรม และเมื่อรักษาความยุติธรรมไว้ก็เป็นคนที่รักษาความสงบสุขของประเทศ ฉะนั้นต้องขอให้สำนึกว่าแต่ละคนมีความสำคัญมากต่อประเทศชาติ ต่อส่วนรวม เพราะว่าเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรม ท่านก็ทบทวนแล้ว ท่านก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย และปฏิบัติกฎหมายสูงสุด ทุกคนมีความหวังในผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติความยุติธรรม เมื่อท่านนั่งบัลลังก์ของศาลฎีกาหรือมีชื่อในสารระบบว่าท่านเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ตราบใดที่ท่านเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรมก็เชื่อว่าช่วยให้ประเทศชาติมีความเรียบร้อย มีความสงบสุขได้ ก็หมายความว่าคนก็จะอยู่มีความสงบ มีความยุติธรรมอยู่ในตัวไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านเป็นเครื่องหมายของความยุติธรรมในประเทศทำให้ประเทศชาติไปรอดได้ดี ก็หมายความว่าท่านเป็นเครื่องหมาย ด้วยการปฏิบัติของท่าน ถ้าท่านทำดีเราเชื่อว่าท่านต้องรู้ว่าต้องทำดี ถ้าท่านทำดีแล้ว เป็นคนๆ คนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศไปรอด ทุกคนก็อยากให้ประเทศชาติไปรอด ก็อย่างที่ว่า แม้โจรผู้ร้ายเขาก็รู้สึกว่า แต่ละคนอาจจะไม่รู้จะทำยังไง แต่เขาก็ต้องการความสงบสุข ถ้าท่านทำให้คนทั่วประเทศมีความหวังในความสงบ ความสุข ความยุติธรรม ประเทศชาติก็ไปได้ดี แต่ละท่านก็มีความหวัง ความแน่นอนว่ามีความพอใจที่ได้ปฏิบัติเพื่อช่วยส่วนรวม
ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติความดีของผู้พิพากษาศาลฎีกา อันมีเกียรติอย่างยิ่งสำหรับประเทศ ก็ขอให้ท่านมีกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาศาลฎีกา ตลอดต่อไป ตลอดชีวิต แม้จะ เมื่อไหร่ที่ท่านจะหมดหน้าที่ ก็หมายความว่า ท่านอาจจะถึงเวลาท่านหมดหน้าที่ท่านก็ยังคงรักษาความดีนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ฉะนั้นถ้าท่านรักษาความดีของผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านมีเกียรติ ท่านทำหน้าที่อย่างเหนียวแน่นจริงๆ ก็ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายตลอด เพื่อที่สามารถปฏิบัติงานผู้พิพากษาศาลฎีกาด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความเหนียวแน่นที่สุด ไม่มีท้อใจ เหนียวแน่นจริงๆ จนกระทั่งหมดแรง ถ้าท่านทำได้ดีอย่างนี้ท่านก็มีเกียรติมาก ท่านก็จะเป็นผู้ที่ช่วยประเทศให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ที่จะมีได้ แล้วท่านเองจะได้รับผลประโยชน์ของความตัดสินใจเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาของประเทศ ใช้วิชาเต็มที่เพื่อความเรียบร้อยของประเทศชาติในทุกทาง ก็ขอให้ท่านสามารถที่จะรักษาความดีของผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งกฎหมาย ทั้งความยุติธรรม ตลอดชีวิต รักษาความดีของผู้พิพากษาอย่างเหนียวแน่น ท่านก็จะได้ทำตามที่ท่านปฏิญาณ ถ้าทำได้ท่านก็เป็นคนที่มีคุณภาพสมที่ได้ปฏิญาณตนว่าจะทำหน้าที่สำคัญนี้ให้ตลอดไป ก็ขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกาย กำลังปัญญา อดทนเพื่อจะปฏิบัติงานของผู้พิพากษาศาลฎีกาตลอดชีวิต ท่านก็จะได้เป็นคนที่มีคุณภาพ ท่านจะเป็นคนที่ได้ทำตามที่ได้ปฏิญาณตน ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณอย่างเหนียวแน่น เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ยึดประโยชน์ต่อส่วนรวมนี้ ให้ทำทุกอย่างที่มีอยู่ในใจ เมื่อเปร่งคำปฏิญาณ ไม่ทราบว่าในใจของท่าน มีอะไรอยู่ในใจเมื่อเปร่ง แต่ว่า ก็หวังว่า เป็นความดี ความ... เรียกว่า ความตั้งใจที่จะให้ส่วนรวม อันเรียกว่าประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุข มีความเหนียวแน่น มีความเข้มแข็งเต็มที่ ถ้าทำได้แล้ว ท่านได้ช่วยคนจำนวนมาก ให้มีความหวังในชีวิต และถ้าทำได้ ท่านมีบุญที่ได้มีโอกาสได้ช่วยคนจำนวนมากให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยครบถ้วน ชั่วกาลนาน จนกระทั่งชีวิตจะหาไม่
เพราะฉะนั้น ที่ท่านมาปฏิญาณตนไม่ใช่สิ่งที่กลวงๆ เป็นสิ่งที่สำคัญของประเทศชาติ แต่ละคนคือหน่วยของประเทศ แต่นั่นได้ช่วยคนเป็นจำนวนหลายสิบล้าน ฉะนั้นก็ขอให้ท่านรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของการปฏิญาณเป็นผู้พิพากษาของศาลฎีกา ขอให้ท่านได้มีความสำเร็จในงานการนี้ โดยเหนียวแน่นจนกระทั่งชีวิตจะหาไม่ ก็ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการ ที่ได้ตั้งใจไว้ ที่จะทำดีกับส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะทำ ก็ขอให้ท่านสำเร็จตามที่ได้เปร่งวาจา ก็ขอให้มีความสำเร็จและมีความสุขในงานการ ให้มีความสุขที่จะช่วยคนส่วนมากอยู่เย็นเป็นสุขได้ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ"