นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ภายใต้กรอบความร่วมมือเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ยอมรับการปรับลดภาษีนำเข้าเหลือร้อยละ0 ทำให้การจัดเก็บภาษีต้องลดลงโดยอัตโนมัติ กรมศุลกากรจึงต้องปรับบทบาทจากหน่วยงานจัดเก็บภาษีเป็นกรมอำนวยความสะดวกด้านบริการต่างๆ
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย กล่าวว่า แม้กรอบการลดภาษีนำเข้าจะเริ่มต้นแล้ว แต่เร็วเกินไปที่จะประเมินว่า ภาษีจะลดลงมากน้อยแค่ไหน และต้องดูว่าในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไปผู้ประกอบการน่าจะใช้สิทธิ์ตามกรอบภาษีอาฟตามากขึ้น เบื้องต้นมีการใช้สิทธิ์ตามกรอบภาษีอาฟตาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ15 ทำให้กรมศุลกากรสูญเสียรายได้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และคาดว่า การใช้สิทธิ์จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งปีนี้กรมศุลกากรตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ประมาณ 78,000 ล้านบาทและคิดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะนี้มีการปรับตัวดีขึ้น ผู้ประกอบการใช้สิทธิ์ในกรอบต่างๆ ทำให้ 3 เดือนแรกปีงบประมาณ 2553 จัดเก็บได้ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย กล่าวว่า แม้กรอบการลดภาษีนำเข้าจะเริ่มต้นแล้ว แต่เร็วเกินไปที่จะประเมินว่า ภาษีจะลดลงมากน้อยแค่ไหน และต้องดูว่าในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไปผู้ประกอบการน่าจะใช้สิทธิ์ตามกรอบภาษีอาฟตามากขึ้น เบื้องต้นมีการใช้สิทธิ์ตามกรอบภาษีอาฟตาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ15 ทำให้กรมศุลกากรสูญเสียรายได้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และคาดว่า การใช้สิทธิ์จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งปีนี้กรมศุลกากรตั้งเป้าหมายจัดเก็บรายได้ประมาณ 78,000 ล้านบาทและคิดว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจ ขณะนี้มีการปรับตัวดีขึ้น ผู้ประกอบการใช้สิทธิ์ในกรอบต่างๆ ทำให้ 3 เดือนแรกปีงบประมาณ 2553 จัดเก็บได้ค่อนข้างมาก
