นายทสึโตมุ ยามางูจิ ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุระเบิดปรมาณูสหรัฐฯ ถล่มทั้งเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิในปี 1945 จบชีวิตลงแล้วด้วยโรคมะเร็งในกระเพราะอาหาร ขณะทีมีอายุได้ 93 ปี ครอบครัวของเขาเปิดเผยเมื่อวันพุธ(6)
ยามางูจิ ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูทั้งสองระลอก เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์(4) ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองนางาซากิ
"ดิฉันคิดว่าพ่อได้ทิ้งทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าไว้ให้เรา นั่นคือความพยายามของเขาในการเรียกร้องสันติภาพแก่โลก" นางโตชิโกะ ยามาซากิ บุตรสาววัย 61 ปี บอกกับเอเอฟพี โดยเธอมีบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน และหลานอีก 5 คน
ณ ขณะนั้น นายยามางูจิ ซึ่งเป็นวิศวกรประจำอู่ต่อเรือมิตซูบิชิเฮฟวี อินดัสตรี ในนางาซากิ ต้องเผชิญเหตุโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูระลอกแรกที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ขณะที่เขาอยู่ห่างจากจุดโจมตีเพียง 2 กิโลเมตรและได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกที่แขน
2 วันต่อมาเขาได้เดินทางกลับไปหาครอบครัวยังเมืองนางาซากิ และถัดจากนั้นหนึ่งวันก็ต้องเจอกับระเบิดปรมาณูระลอกสอง คราวนี้เขาอยู่ห่างจากศูนย์กลางจุดโจมตีราว 3 กิโลเมตร
ยามางูจิ ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูทั้งสองระลอก เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์(4) ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองนางาซากิ
"ดิฉันคิดว่าพ่อได้ทิ้งทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าไว้ให้เรา นั่นคือความพยายามของเขาในการเรียกร้องสันติภาพแก่โลก" นางโตชิโกะ ยามาซากิ บุตรสาววัย 61 ปี บอกกับเอเอฟพี โดยเธอมีบุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน และหลานอีก 5 คน
ณ ขณะนั้น นายยามางูจิ ซึ่งเป็นวิศวกรประจำอู่ต่อเรือมิตซูบิชิเฮฟวี อินดัสตรี ในนางาซากิ ต้องเผชิญเหตุโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูระลอกแรกที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ขณะที่เขาอยู่ห่างจากจุดโจมตีเพียง 2 กิโลเมตรและได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวกที่แขน
2 วันต่อมาเขาได้เดินทางกลับไปหาครอบครัวยังเมืองนางาซากิ และถัดจากนั้นหนึ่งวันก็ต้องเจอกับระเบิดปรมาณูระลอกสอง คราวนี้เขาอยู่ห่างจากศูนย์กลางจุดโจมตีราว 3 กิโลเมตร