นายเล็ก กลิ่นวิบูลย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ร่วมประชุมกับภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ได้แก่ จ.อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ เพื่อชี้แจงเหตุจำเป็นในการงดเที่ยวบินของบริษัทการบินไทย ที่ จ.อุบลราชธานี
นายเล็กกล่าวว่า บริษัทการบินไทย จำกัด ประสบปัญหาขาดทุนในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่เส้นทางพิษณุโลก แม่ฮ่องสอน และอุบลราชธานี ที่ขาดทุนเฉลี่ย 74.9 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งจากสภาวะการผันผวนของเศรษฐกิจโลก จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ให้การดำเนินธุรกิจอยู่รอด เฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทไม่มีผลกำไรติดต่อกันมาหลายปี โดยเฉพาะสายการบินสายรองและสายย่อย แต่ยังคงมีความจำเป็นที่ต้องให้บริการประชาชน เพื่อบริการด้านคมนาคมขนส่ง โดยร่วมกับสายการบินนกแอร์ทำการบินในเส้นทาง พิษณุโลก อุบลราชธานี และแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2553 ซึ่งการบินไทยได้ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้การบินดังกล่าวยังคงมาตรฐานการบินไทยเช่นเดิม โดยจะนำตัวเครื่องบินการบินไทยมาใช้ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปในรูปแบบของนกแอร์แทน รวมทั้งกำหนดเที่ยวบินที่ไม่น้อยกว่าเดิม
ด้านนายองอาจ ตั้งมิตรประชา กรรมการที่ปรึกษาหอการค้า จ.อุบลราชธานี กล่าวไม่เห็นด้วย ที่มีการปิดสายการบิน จ.อุบลราชธานี เนื่องจาก จ.อุบลราชธานี เป็นศูนย์บริการการบินในอีสานและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหอการค้าได้ผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมมรกต แต่เมื่อสายการบินถูกยกเลิก ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แม้จะมีการนำสายการบินโลว์คอสต์มาแทน แต่ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ยังติดที่ภาพลักษณ์ของการบินไทย และคิดว่าหากมีการบริหารจัดการที่ดีไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งการบินไทยไม่ควรนำปัญหาเรื่องการขาดทุนของเที่ยวบินเส้นทางอื่นมารวมกับอุบลราชธานี เพราะเที่ยวบินของอุบลราชธานีไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน
นายเล็กกล่าวว่า บริษัทการบินไทย จำกัด ประสบปัญหาขาดทุนในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่เส้นทางพิษณุโลก แม่ฮ่องสอน และอุบลราชธานี ที่ขาดทุนเฉลี่ย 74.9 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งจากสภาวะการผันผวนของเศรษฐกิจโลก จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ให้การดำเนินธุรกิจอยู่รอด เฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทไม่มีผลกำไรติดต่อกันมาหลายปี โดยเฉพาะสายการบินสายรองและสายย่อย แต่ยังคงมีความจำเป็นที่ต้องให้บริการประชาชน เพื่อบริการด้านคมนาคมขนส่ง โดยร่วมกับสายการบินนกแอร์ทำการบินในเส้นทาง พิษณุโลก อุบลราชธานี และแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2553 ซึ่งการบินไทยได้ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้การบินดังกล่าวยังคงมาตรฐานการบินไทยเช่นเดิม โดยจะนำตัวเครื่องบินการบินไทยมาใช้ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปในรูปแบบของนกแอร์แทน รวมทั้งกำหนดเที่ยวบินที่ไม่น้อยกว่าเดิม
ด้านนายองอาจ ตั้งมิตรประชา กรรมการที่ปรึกษาหอการค้า จ.อุบลราชธานี กล่าวไม่เห็นด้วย ที่มีการปิดสายการบิน จ.อุบลราชธานี เนื่องจาก จ.อุบลราชธานี เป็นศูนย์บริการการบินในอีสานและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหอการค้าได้ผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวสามเหลี่ยมมรกต แต่เมื่อสายการบินถูกยกเลิก ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แม้จะมีการนำสายการบินโลว์คอสต์มาแทน แต่ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ยังติดที่ภาพลักษณ์ของการบินไทย และคิดว่าหากมีการบริหารจัดการที่ดีไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งการบินไทยไม่ควรนำปัญหาเรื่องการขาดทุนของเที่ยวบินเส้นทางอื่นมารวมกับอุบลราชธานี เพราะเที่ยวบินของอุบลราชธานีไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน
