นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2552 มีจำนวน 3,993,133 ล้านบาท หรือ 45.83% ของจีดีพี เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้ลดลง 8,898 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 2,501 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ลดลง 5,326 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 1,965 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน เพิ่มขึ้น 894 ล้านบาท
ทางด้านนายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือนพฤศจิกายน 2552 สามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วค่อนข้างมาก เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีสุรา เบียร์ และภาษียาสูบ
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเริ่มเร่งตัวขึ้น ภายใต้นโยบายงบประมาณขาดดุลนี้ ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 71,973 ล้านบาท และส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 113,228 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุล 3.1 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 82,228 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 211,606 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่มีความมั่นคงต่อฐานะการคลัง และมั่นใจว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปี 2552 จะสามารถกลับมาขยายตัว
ทั้งนี้ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ลดลง 5,326 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 1,965 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน เพิ่มขึ้น 894 ล้านบาท
ทางด้านนายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือนพฤศจิกายน 2552 สามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วค่อนข้างมาก เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีสุรา เบียร์ และภาษียาสูบ
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเริ่มเร่งตัวขึ้น ภายใต้นโยบายงบประมาณขาดดุลนี้ ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ 71,973 ล้านบาท และส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 113,228 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุล 3.1 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 82,228 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 211,606 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่มีความมั่นคงต่อฐานะการคลัง และมั่นใจว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปี 2552 จะสามารถกลับมาขยายตัว