นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการควบคุมตัวนายอเล็กซ์ซานเดอร์ ไซรเนฟ นายวิคเตอร์ อัลดุลลายาฟ นายวิทาลี ซุนดอฟ อิลยาส อิสซาคอฟ ทั้งหมดสัญชาติคาซัคสถาน และ นายมิคาอิล พีทูคู สัญชาติเบลารุส 5 ผู้ต้องหาคดีขนอาวุธสงครามเข้าประเทศไทย ว่า ขณะนี้ผู้ต้องขังทั้งหมดปรับตัวเข้ากับเรือนจำได้แล้ว ไม่มีอาการเคร่งเครียด และเมื่อวานที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตคาซัคสถานได้ยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้ย้ายผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังในแดนเดียวกัน โดยอ้างว่าผู้ต้องหาสื่อสารกับผู้คุมและเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกันไม่ได้ ทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตในเรือนจำ จึงยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ โดยเบื้องต้นได้พิจารณาหนังสือดังกล่าวแล้ว และเห็นว่าการย้ายผู้ต้องหาไปคุมขังแดนเดียวกันนั้นไม่ได้ เนื่องจากผู้ต้องหาต้องคดีอุกฉกรรจ์ จึงไม่สามารถพิจารณาได้ และยืนยันว่าในเรือนจำมีผู้คุมที่สามารถพูดคุยภาษาอังกฤษกับผู้ต้องขังได้ จึงเชื่อว่าไม่ใช่อุปสรรคในการใช้ชีวิตตามที่สถานทูตร้องขอ
อย่างไรก็ตาม นายโสภณ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีพนักงานสอบสวนประสานขอเบิกตัว 5 ผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่ม รวมไปถึงนายวิคเตอร์ บูท นักค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซียรายใหญ่ ที่มีกระแสข่าวว่าอาจเกี่ยวพันกับเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนกองปราบปรามอยู่ระหว่างการสอบสวน และตรวจสอบอาวุธร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง และพบว่าคดีนี้มีคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
อย่างไรก็ตาม นายโสภณ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีพนักงานสอบสวนประสานขอเบิกตัว 5 ผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่ม รวมไปถึงนายวิคเตอร์ บูท นักค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซียรายใหญ่ ที่มีกระแสข่าวว่าอาจเกี่ยวพันกับเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนกองปราบปรามอยู่ระหว่างการสอบสวน และตรวจสอบอาวุธร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง และพบว่าคดีนี้มีคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย