สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ นายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ น.ส.นิภาพร คมกล้า และนายสมชาย ศรีพยัคฆ์ ซึ่งถูกกล่าวโทษเพิ่มเติมกรณีทุจริตในบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (SECC) และบริษัทย่อยรายบริษัท เอสอีซี โฮลดิ้ง จำกัด (SECC Holding) เป็นเวลา 180 วัน
สำหรับกรณีนายสุริยา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายสุริยา และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณียักยอกทรัพย์สินของบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวเป็นเวลา 180 วัน และศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในคดีออกไปอีก 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 7 มีนาคม 2553 หลังจากนั้น สำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายสมพงษ์ นายสุริยา น.ส.นิภาพร และนายสมชาย เพิ่มเติม ในฐานะตัวการที่กระทำการทุจริตหรือผู้สนับสนุนการทุจริตใน SECC และ SECCHolding ในอีก 5 ประเด็น ได้แก่ การยักยอกเงินผ่านการให้กู้ยืมของ SECC Holding การยักยอกเงินฝากของ SECC Holding การยักยอกเงินจากบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ SECC การยักยอกชุดจดทะเบียนรถยนต์ และการตบแต่งบัญชีรายได้ค่าขายรถยนต์ของ SECC
เนื่องจากคำสั่งอายัดทรัพย์สินเดิมของนายสมพงษ์ น.ส.นิภาพร และนายสุริยา ใกล้จะครบอายุ ประกอบกับการกระทำความผิดของบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าว มีลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย จะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของตนหลังครบกำหนดเวลาอายัดทรัพย์สินเดิม ส่วนกรณีนายสมชาย มีพฤติกรรมหลบหนี และการกระทำความผิดของนายสมชายเป็นความผิดที่กระทบต่อประโยชน์ของประชาชน จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่านายสมชายจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 4 รายดังกล่าว เป็นเวลา 180 วัน โดยกรณีนายสมพงษ์ และ น.ส.นิภาพร ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2553 กรณีนายสุริยาให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2553 และกรณีนายสมชาย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป
สำหรับกรณีนายสุริยา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายสุริยา และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณียักยอกทรัพย์สินของบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวเป็นเวลา 180 วัน และศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดในคดีออกไปอีก 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 7 มีนาคม 2553 หลังจากนั้น สำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายสมพงษ์ นายสุริยา น.ส.นิภาพร และนายสมชาย เพิ่มเติม ในฐานะตัวการที่กระทำการทุจริตหรือผู้สนับสนุนการทุจริตใน SECC และ SECCHolding ในอีก 5 ประเด็น ได้แก่ การยักยอกเงินผ่านการให้กู้ยืมของ SECC Holding การยักยอกเงินฝากของ SECC Holding การยักยอกเงินจากบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ SECC การยักยอกชุดจดทะเบียนรถยนต์ และการตบแต่งบัญชีรายได้ค่าขายรถยนต์ของ SECC
เนื่องจากคำสั่งอายัดทรัพย์สินเดิมของนายสมพงษ์ น.ส.นิภาพร และนายสุริยา ใกล้จะครบอายุ ประกอบกับการกระทำความผิดของบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าว มีลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย จะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของตนหลังครบกำหนดเวลาอายัดทรัพย์สินเดิม ส่วนกรณีนายสมชาย มีพฤติกรรมหลบหนี และการกระทำความผิดของนายสมชายเป็นความผิดที่กระทบต่อประโยชน์ของประชาชน จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่านายสมชายจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 4 รายดังกล่าว เป็นเวลา 180 วัน โดยกรณีนายสมพงษ์ และ น.ส.นิภาพร ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2553 กรณีนายสุริยาให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2553 และกรณีนายสมชาย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไป