นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า จากการสอบถามสมาชิกที่ทำธุรกิจในกัมพูชา ทั้งธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว และร้านอาหาร ทุกอย่างยังเป็นปกติ แต่ส่วนใหญ่กังวลจะมีสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องปิดการค้าชายแดน โดยหากเป็นเช่นนั้น จะมีผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ เพราะการค้าชายแดนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของการค้าไทย-กัมพูชา โดย 8 เดือนแรกของปี 2552 มีมูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา 36,000 ล้านบาท และหากมีการปิดด้านจริงคาดว่าจะส่งผลกระทบให้ยอดการค้าระหว่างชายแดนหายไป 20,000 - 30,000 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาททั้งสองประเทศต้องเร่งเจรจาหาทางออกเพื่อใม่ให้กระทบภาคเอกชน และหากเกิดปํญหาขึ้นจริงจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชนและคนไทยที่อยู่ในกัมพูชากลับประเทศไทย แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหารุนแรงเหมือนการเผาสถานทูตไทยเหมือนครั้งที่ผ่านมา ปัญหาครั้งนี้เกิดขึ้นจากรัฐต่อรัฐ จึงน่าจะเจรจาหาทางยุติได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ นายสันติ ยังแสดงความเป็นห่วงต่อเศรษฐกิจภูมิภาค หลังรัฐบาลไทยได้ผ่านการประชุมร่วมกับกลุ่มอาเซียน เพราะอาจทำให้แผนการดำเนินการที่ได้หารือและตกลงไว้ไม่คล่องตัวเหมือนเดิม แต่เรื่องการเปิดเขตการค้าเสรียังคงต้องเดินหน้าตามข้อตกลง ดังนั้น ควรหันหน้ามาคุยและหาทางออกให้แผนการตกลงทางการค้าทั้งหมดเดินหน้าต่อให้ได้ เพราะกลุ่มอาเซียนต้องรวมตัวกัน เพื่อให้แข่งขันกับประเทศนอกกลุ่มให้ได้
นอกจากนี้ นายสันติ ยังแสดงความเป็นห่วงต่อเศรษฐกิจภูมิภาค หลังรัฐบาลไทยได้ผ่านการประชุมร่วมกับกลุ่มอาเซียน เพราะอาจทำให้แผนการดำเนินการที่ได้หารือและตกลงไว้ไม่คล่องตัวเหมือนเดิม แต่เรื่องการเปิดเขตการค้าเสรียังคงต้องเดินหน้าตามข้อตกลง ดังนั้น ควรหันหน้ามาคุยและหาทางออกให้แผนการตกลงทางการค้าทั้งหมดเดินหน้าต่อให้ได้ เพราะกลุ่มอาเซียนต้องรวมตัวกัน เพื่อให้แข่งขันกับประเทศนอกกลุ่มให้ได้