นายสุเทพ เทือกสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ยืนยันว่า ข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ในฐานะ ส.ส.ฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ.2539 เป็นข้อเท็จจริง และผู้เสียหายจากการกระทำที่ถูกกล่าวหาได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว
นายสุเทพ ระบุว่า ผู้เสียหายจากการอภิปรายในครั้งนั้นคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ที่จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษในครั้งนั้น
การทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2539 นั้น นายสุเทพ ยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบฝ่ายบริหารเท่านั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะต้องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่ถูกอภิปรายในขณะนั้น และย้ำว่าผู้เสียหายคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ที่จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ และผู้เสียหายทั้ง 2 องค์กร ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้นแล้ว ซึ่งขณะนี้ถือเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะทำหน้าที่คลี่คลายคดีการยักยอกทรัพย์ธนาคารบีบีซีของนายราเกซ สักเสนา และผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการยุติธรรม
ระหว่างที่ตั้งกระทู้ถามสดนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยังได้นำสาระสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตมาอ่านเปิดเผยต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเนื้อหานั้นเป็นการนำบันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2539 ซึ่งเป็นคำอภิปรายของนายสุเทพในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร โดยกล่าวถึงการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรียกรับเงิน และทุจริตการเลือกตั้ง รวมถึงการเอื้อประโยชน์ ให้นายราเกซ เดินทางออกนอกประเทศ และเป็นเช่นเดียวกับบรรยากาศที่ทุกครั้งที่เกิดขึ้นในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อนายจตุพร ลุกขึ้นอภิปราย และมีคำพูดที่ไม่เหมาะสมจึงมีการประท้วงและสนับสนุนจนทำให้การตั้งกระทู้ถามสดนั้นออกนอกประเด็น
นายสุเทพ ระบุว่า ผู้เสียหายจากการอภิปรายในครั้งนั้นคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ที่จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษในครั้งนั้น
การทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2539 นั้น นายสุเทพ ยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบฝ่ายบริหารเท่านั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะต้องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่ถูกอภิปรายในขณะนั้น และย้ำว่าผู้เสียหายคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ที่จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ และผู้เสียหายทั้ง 2 องค์กร ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้นแล้ว ซึ่งขณะนี้ถือเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะทำหน้าที่คลี่คลายคดีการยักยอกทรัพย์ธนาคารบีบีซีของนายราเกซ สักเสนา และผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการยุติธรรม
ระหว่างที่ตั้งกระทู้ถามสดนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยังได้นำสาระสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตมาอ่านเปิดเผยต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเนื้อหานั้นเป็นการนำบันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2539 ซึ่งเป็นคำอภิปรายของนายสุเทพในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร โดยกล่าวถึงการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรียกรับเงิน และทุจริตการเลือกตั้ง รวมถึงการเอื้อประโยชน์ ให้นายราเกซ เดินทางออกนอกประเทศ และเป็นเช่นเดียวกับบรรยากาศที่ทุกครั้งที่เกิดขึ้นในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อนายจตุพร ลุกขึ้นอภิปราย และมีคำพูดที่ไม่เหมาะสมจึงมีการประท้วงและสนับสนุนจนทำให้การตั้งกระทู้ถามสดนั้นออกนอกประเด็น
