คณะทำงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาสำนวนคดีที่นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของบีบีซี มูลค่า 1,657 ล้านบาท ผ่านทางบริษัท ซิตี้เทรดดิ้ง จำกัด
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เปิดเผยว่า คณะทำงานจะตรวจสอบพยานหลักฐานเดิมที่อัยการเคยยื่นฟ้องนายราเกซ เมื่อปี 2539 ซึ่งในครั้งนั้นนายราเกซได้หลบหนีออกนอกประเทศ ทำให้องค์คณะผู้พิพากษาได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราว และในครั้งนี้คณะทำงานจะนำพยานหลักฐานของตำรวจที่มีการสอบปากคำนายราเกซ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา มาร่วมพิจารณาด้วย
นายเศกสรรค์ กล่าวด้วยว่า สำนวนคดีนี้มีหลักฐานและเอกสารเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะทำงานอัยการต้องพิจารณาอย่างละเอียด ซึ่งหากการประชุมได้พิจารณาแล้วมีความเห็นร่วมกัน ก็จะสามารถดำเนินการยื่นฟ้องได้ทันที
ทั้งนี้ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดอ่านคำพิพากษาในส่วนที่มีการสั่งฟ้องผู้บริหารบีบีซี ซึ่งมีนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ เป็นหนึ่งในจำเลย โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายเกริกเกียรติ เป็นเวลา 10 ปี และสั่งปรับเงินอีกกว่า 2,000 ล้านบาท
ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ข้อมูลที่พรรคประชาธิปัตย์เคยได้ในสมัยที่เป็นฝ่ายค้านเกี่ยวกับคดีนายราเกซ ซึ่งมีทั้งนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งการทำงานขณะนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องลำบากใจที่จะต้องร่วมงานกับนักการเมืองที่ถูดพาดพิง ส่วนเรื่องของการดำเนินคดีก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม