สวนดุสิตโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความเห็นประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,256 คน ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2552 ในหัวข้อ "การชุมนุมประท้วง กับภาพการเมืองไทย ณ วันนี้" พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 32.09 เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นจนเป็นความเคยชิน รองลงมา ร้อยละ 23.46 ระบุ เป็นสิทธิในการเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องอยู่ในกรอบอย่างเหมาะสม
ส่วนการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี ที่มักมีกลุ่มคนเสื้อแดงตามไปประท้วง กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 34.61 มองว่าเพื่อต้องการลดความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 30 มองว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีทำงานลำบากขึ้น และยั่วยุให้อึดอัดใจ ขณะที่ร้อยละ 26.08 ระบุ เพื่อชี้ให้เห็นว่ามาตรการป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่เข้มงวด
สำหรับผลกระทบที่ได้รับจากการชุมนุมที่เห็นเป็นรูปธรรม ร้อยละ 30.14 ระบุ ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง ร้อยละ 26.21 ระบุ ต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น ยังไม่กล้ามาลงทุน
สวนดุสิตโพลล์ยังระบุถึงประเด็นที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวเตือน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยร้อยละ 29.85 มองว่าเป็นการจุดกระแสทางการเมืองให้คุกรุ่นขึ้นมาอีก รองลงมา ร้อยละ 25.37 เห็นว่าควรคุยกันเองเป็นการภายในจะดีกว่า
ขณะที่ความเห็นของประชาชนต่อการเมืองไทยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 35.80 ระบุว่า ยังคงวุ่นวายต่อไป และมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น รองลงมา ร้อยละ 28.17 มองว่ามีการแบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวก เกิดความสมานฉันท์ทางการเมืองได้ยาก และร้อยละ 22.54 มองว่ายังคงเป็นเรื่องของการแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์
ส่วนการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของนายกรัฐมนตรี ที่มักมีกลุ่มคนเสื้อแดงตามไปประท้วง กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 34.61 มองว่าเพื่อต้องการลดความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 30 มองว่าต้องการให้นายกรัฐมนตรีทำงานลำบากขึ้น และยั่วยุให้อึดอัดใจ ขณะที่ร้อยละ 26.08 ระบุ เพื่อชี้ให้เห็นว่ามาตรการป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่เข้มงวด
สำหรับผลกระทบที่ได้รับจากการชุมนุมที่เห็นเป็นรูปธรรม ร้อยละ 30.14 ระบุ ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง ร้อยละ 26.21 ระบุ ต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น ยังไม่กล้ามาลงทุน
สวนดุสิตโพลล์ยังระบุถึงประเด็นที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวเตือน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยร้อยละ 29.85 มองว่าเป็นการจุดกระแสทางการเมืองให้คุกรุ่นขึ้นมาอีก รองลงมา ร้อยละ 25.37 เห็นว่าควรคุยกันเองเป็นการภายในจะดีกว่า
ขณะที่ความเห็นของประชาชนต่อการเมืองไทยจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 35.80 ระบุว่า ยังคงวุ่นวายต่อไป และมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น รองลงมา ร้อยละ 28.17 มองว่ามีการแบ่งเป็นกลุ่มเป็นพวก เกิดความสมานฉันท์ทางการเมืองได้ยาก และร้อยละ 22.54 มองว่ายังคงเป็นเรื่องของการแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์
