พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 13 ณ หอประชุมกองทัพบก ถ.วิภาวดี-รังสิต โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ พร้อมด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และหน่วยงานที่สนับสนุน อาทิ คณะกรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิรักเมืองไทย กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ
โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 5 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ ตลอดจนวิถีชีวิตของครอบครัวมุสลิมในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง หรือที่เรียกว่าครอบครัวอุปถัมภ์ เป็นเวลา 15 วัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ ตลอดจนวิสัยทัศน์ และประสบการณ์ชีวิต รวมถึงแนวคิดของเยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถปฏิบัติตนเป็นผู้นำที่ดีของชุมชนในอนาคต ด้วยการผูกพันเป็นเครือข่ายของครอบครัว อันจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมไทยที่ยั่งยืน
พล.อ.เปรม ได้กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการว่า สิ่งที่อยากจะปลูกฝังให้ทุกคนระลึกถึงคือ ความเป็นธรรมและความเป็นไทย ซึ่งเยาวชนทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดมีสิทธิ์ได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนภูมิใจว่า ทุกคนเป็นคนไทยและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษา ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ศาสนาจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการสิ่งใด
โครงการสานใจไทยสู่ใจใต้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 5 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ ตลอดจนวิถีชีวิตของครอบครัวมุสลิมในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง หรือที่เรียกว่าครอบครัวอุปถัมภ์ เป็นเวลา 15 วัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ ตลอดจนวิสัยทัศน์ และประสบการณ์ชีวิต รวมถึงแนวคิดของเยาวชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถปฏิบัติตนเป็นผู้นำที่ดีของชุมชนในอนาคต ด้วยการผูกพันเป็นเครือข่ายของครอบครัว อันจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมไทยที่ยั่งยืน
พล.อ.เปรม ได้กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการว่า สิ่งที่อยากจะปลูกฝังให้ทุกคนระลึกถึงคือ ความเป็นธรรมและความเป็นไทย ซึ่งเยาวชนทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดมีสิทธิ์ได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนภูมิใจว่า ทุกคนเป็นคนไทยและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษา ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ศาสนาจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการสิ่งใด