ปัตตานี - ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ร่วมวางพวงมาลาเนื่องในวันมหิดล เพื่อรำลึกถึงพระบรมราชชนก ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณของนักศึกษา บุคลากร ในการรู้สำนึกผู้มีพระคุณ
วันนี้ (24 ก.ย.) ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษร่วมวางพวงมาลาเนื่องในวันมหิดล เพื่อเฉลิมพระเกียรติและระลึกถึงพระมหากรุถณาธิคุณสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณของนักศึกษา บุคลากร
โดย ฯพณฯ พล.อ.เปรม กล่าวกับคณะผู้บริหาร พนักงาน นักศึกษา มอ.ว่า แนวความคิดในการตั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีตั้งแต่ปี 2506 ในชื่อ “มหาวิทยาลัยภาคใต้” ประมาณปี 2510 มีการขอพระราชทานชื่อว่า “มหาวิทยาลัยภูมิพล” ซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” จากพระนามของสมเด็จพระราชบิดา
ท่านทรงพระราชทานสิ่งที่มีค่าสูงสุดและเป็นความภาคภูมิใจของชาว มอ.ที่จะร่วมกันเทิดทูลตลอดไป และเพื่อประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ซึ่งเป็นกิจหนึ่งตามพระราชปณิพานของพระบรมราชชนกและน้อมรำลึกถึงพระจริยวัตรของพระองค์และให้ยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติงานและการบริหารงานของมหาวิทยาลัย ที่ยึดมั่นในพระราชปณิธานที่ว่าขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง
องคมนตรีและรัฐบุรุษ ยังกล่าวอีกว่า การสำนึกรู้บุญคุณขององค์กร หรือผู้ที่มีบุญคุณต่อเราไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เราต้องบัญญัติไว้ในจิตวิญญาณของคนไทยทุกคน แผ่นดินนี้มีบุญคุณมหาศาลกับเราทุกคนที่เป็นคนไทย ถ้าเราพูดอย่างนั้นคงไม่มีใครเถียง คงไม่มีใครคัดค้าน และยิ่งไปกว่านั้นการสำนึกบุญคุณและการตอบแทนพระคุณและองค์กรที่มีพระคุณกับเราเป็นวัฒนธรรม และเป็นประเพณีที่ดีงามของคนไทย เป็นวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ของคนไทย ตั้งแต่เราเริ่มมีประเทศไทยของเราขึ้นเป็นระบบสืบทอดจนถึงทุกวันนี้ และผมมั่นใจว่าไม่มีวันที่จะจางหายไป