พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ว่า โดยส่วนตัวตนอยากให้นำข้อดีของรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับมารวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วตั้งคณะกรรมการหรือองค์กรขึ้นมาจัดทำ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ให้เสรีภาพกับสื่อและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะต้องถามความเห็นของประชาชน
ขณะเดียวกัน เห็นว่าศักยภาพของตนเองคงไม่เหมาะกับการเป็นคนกลางในการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งต้องเป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย
พร้อมกันนี้ พล.อ.สนธิ ปฏิเสธที่จะแสดงความชัดเจนกรณีจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ โดยกล่าวเพียงว่า ใกล้เวลาแล้ว และท้าทายดี
นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ปฏิเสธกรณีมีผู้แอบอ้างชื่อของตนเพื่อไปขอโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ตั้งแต่เป็น คมช.ตนไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ จึงอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างชื่อของตน
ขณะเดียวกัน เห็นว่าศักยภาพของตนเองคงไม่เหมาะกับการเป็นคนกลางในการสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งต้องเป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย
พร้อมกันนี้ พล.อ.สนธิ ปฏิเสธที่จะแสดงความชัดเจนกรณีจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ โดยกล่าวเพียงว่า ใกล้เวลาแล้ว และท้าทายดี
นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ปฏิเสธกรณีมีผู้แอบอ้างชื่อของตนเพื่อไปขอโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ตั้งแต่เป็น คมช.ตนไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ จึงอยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างชื่อของตน